
แม้จะก้าวย่างเข้าสู่ปีที่สองของการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) แล้ว
สถานการณ์การระบาดของโรคยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดในระยะเวลาอันสั้น
วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
ถือเป็นความหวังสูงสุดในการหยุดการติดต่อของโรคร้ายนี้
ประเทศไทยได้เริ่มการฉีดวัคซีนโควิด-19
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนฉบับนี้ ขอนำเสนอข้อมูล
"ภาวะหลอดเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำภายหลังฉีดวัคซีนโควิด-19" เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและสังเกตอาการตนเอง
เพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 และหากเกิดอาการ สามารถขอเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงทีครับ
1. ลิ่มเลือดและภาวะการเกิดลิ่มเลือดคืออะไร
เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
การเกิดลิ่มเลือดเป็นกลไกการตอบสนองของร่างกาย
ในภาวะเมื่อเรามีบาดแผลเกิดขึ้น
เกล็ดเลือดจะทำหน้าที่รวมกลุ่มกันจนกลายเป็นลิ่มเลือดเพื่อทำให้เลือดหยุด
ส่วนสาเหตุการเกิดลิ่มเลือดอุดตันนั้น เกิดจาก 3 องค์ประกอบ
ได้แก่ 1. ผนังหลอดเลือดผิดปกติ เช่น
เกิดบาดแผลจากของมีคม การผ่าตัดทำหัตถการอาจทำให้หลอดเลือดบางส่วนเสียหาย หรือ
แม้แต่การเกิดลิ่มเลือดจากภาวะไขมันเกาะผนังเส้นเลือด 2. การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ เช่น
การไหลเวียนเลือดช้าลง
เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวอาจเกิดการอุดตันจนเกิดลิ่มเลือดในที่สุด 3. การแข็งตัวของเกล็ดเลือดผิดปกติ เช่น
การขาดสารต้านการแข็งตัวของเลือด (anti-coagulation
factors) หรือร่างกายขาดโปรตีนในการยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ง่าย
ปกติภาวะลิ่มเลือดอุดตันพบในกลุ่มประชากรสูงวัยมากกว่าในอายุน้อยและส่วนใหญ่จะพบลิ่มเลือดอุดตันในบริเวณขาและปอด
2.
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำภายหลังฉีดวัคซีนคืออะไร
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำจากวัคซีน
หรือ Vaccine-Induced
immune Thrombotic Thrombocytopenia (VITT) มีการรายงานครั้งแรกในทวีปยุโรปหลังผู้ป่วยได้รับวัคซีนโควิด-19 และการอุดตันของลิ่มเลือดจะเกิดในตำแหน่งที่พบน้อยกว่าการเกิดลิ่มเลือดด้วยสาเหตุอื่น
ๆ เช่น หลอดเลือดดำในสมองหรือในช่องท้อง นอกจากนั้นยังมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำร่วมด้วย
ซึ่งจะคล้ายกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำและหลอดเลือดอุดตันในผู้ป่วยที่ได้รับเฮปาริน (heparin) หรือเรียกว่า heparin-induced
thrombocytopenia (HIT) แต่ภาวะ VITT เกิดขึ้นในคนไข้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งไม่มีประวัติการได้รับเฮปาริน
3.
ลิ่มเลือดอุดตันหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19
มีอาการอย่างไร
เนื่องจากลิ่มเลือดสามารถเกิดได้ในหลายบริเวณของร่างกาย
ดังนั้นอาการที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามอวัยวะที่ลิ่มเลือดไปอุดตัน เช่น ในปอด
จะมีอาการเจ็บหน้าอกแปล๊บๆ หายใจไม่อิ่มและเหนื่อยง่าย บริเวณขา
จะเกิดอาการขาบวมข้างเดียว ในท้องจะเกิดอาการปวดท้องรุนแรง
ส่วนในอวัยวะที่สำคัญต่อชีวิต (vital
organs) เช่น
เส้นเลือดสมองจะเกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง เมื่อ ไอ จาม จะปวดมากขึ้น และ
อาจมีภาวะอ่อนแรง ชาซีกเดียวคล้าย stroke
ก็ได้
หากเกิดที่เส้นเลือดหัวใจจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
หากไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตหรือพิการได้
4.
วัคซีนโควิด-19 ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้อย่างไร
ปัจจุบันสาเหตุการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำจากวัคซีนโควิด-19 ยังไม่ทราบแน่ชัด แพทย์และผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่า
เป็นผลจากวัคซีนโควิด-19
ไปเพิ่มการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
และภูมิคุ้มกันดังกล่าวนี้กระตุ้นการทำงานของเกล็ดเลือด
เกิดเป็นลิ่มเลือดไปอุดเส้นเลือดในอวัยวะต่าง ๆ
นอกจากนั้นยังทำให้ปริมาณเกล็ดเลือดในร่างกายลดลงเนื่องจากเกล็ดเลือดส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้การสร้างลิ่มเลือดในขึ้นตอนแรก
ในผู้ป่วยจะสามารถตรวจพบ anti-platelet
factor 4 (anti-PF-4)/ heparin antibody คล้ายกับภาวะ
heparin-induced
thrombocytopenia (HIT) ซึ่งปัจจุบันไม่พบภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดอื่นใด
นอกจากพบในผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนโควิด-19
5.
ลิ่มเลือดอุดตันหลังจากการฉีดวัคซีนโควิด-19
พบบ่อยแค่ไหน
ท่านใดบ้างที่ต้องระวัง
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำจากวัคซีน
หรือ Vaccine-Induced
immune Thrombotic Thrombocytopenia (VITT) เกิดขึ้นได้ในอัตราส่วน 1:125,000 - 1:1,00,000 กล่าวคือ ในผู้รับวัคซีน 1 ล้านคน จะพบภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนโควิด-19 จำนวนเฉลี่ย
3.6 คน (ข้อมูลวันที่ 8 มิถุนายน 2564)11
และส่วนใหญ่พบในหญิงที่มีอายุน้อยกว่า
55 ปี
ซึ่งอุบัติการถือว่าน้อยมากและประโยชน์จากการฉีดวัคซีนมีมากกว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามข้อมูลในประเทศไทยยังต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทางสถิติภาวะ VITT กับการได้รับวัคซีนชนิดต่าง ๆ
ที่ได้รับอนุมัติให้ฉีดในไทย เนื่องจากการฉีดวัคซีนในประเทศพึ่งเริ่มต้นขึ้น
6.
ผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19
จะสังเกตอาการตัวเองได้อย่างไรว่า
มีอาการลิ่มเลือดอุดตัน
หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นเวลา 30
นาที
ผู้ได้รับวัคซีนอาจจะมีไข้ต่ำ ๆ หรือ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย มีผื่นเล็กน้อย
อาการเหล่านี้จะหายได้เองภายใน 2-3
วัน ส่วนอาการ
ลิ่มเลือดอุดตัน จะเกิดในช่วงเวลา 5-42
วันหลังได้รับวัคซีน11 โดยหากท่านใดมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น ปวดศีรษะรุนแรง
แขนขาชา หรือ อ่อนแรง หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ตามัว เห็นภาพซ้อน ซัก
เหนื่อยง่าย หายใจลำบากหรือติดขัด เจ็บแน่นหน้าอก ขาบวมแดงหรือซีดเย็น
ปวดท้องหรือปวดหลังรุนแรง
ให้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุและรักษาในสถานพยาบาลที่ท่านรักษาตัวเป็นประจำ
7.
หากเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ แพทย์จะรักษาเราอย่างไร
หากผู้ป่วยมีเกล็ดเลือดต่ำร่วมกับค่าสารบ่งชี้ทางชีวภาพ
d-dimer สูงซึ่งจากการสลายของโปรตีนไฟบริน
หรือมีเกล็ดเลือดต่ำร่วมกับลิ่มเลือดอุดตันภายใน 5-42 วันหลังฉีดวัดซีนโควิด-19 เนื่องจากการตรวจยืนยันภาวะ VITT ต้องทำในห้องปฏิบัติการที่ซับซ้อน
ระหว่างรอผลวินิจฉัย แพทย์จะให้สารอิมมูโนโกลบูลินทางหลอดเลือดดำ (intravenous immunoglobulin,
IVIG) และอาจให้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์
เช่น methylprednisolone
หรือ prednisolone นอกจากนั้นแล้วแพทย์อาจให้ยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือดหรืออาจรักษาด้วยวิธีแลกเปลี่ยนพลาสมา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.healthydee.moph.go.th/