แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จริยธรรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จริยธรรม แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สาระสำคัญของพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562

สาระสำคัญของพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562

               มาตรฐานทางจริยธรรม คือ หลักเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งจะต้องประกอบด้วย
              1) ยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
              2) ซื่อสัตย์สุจริตมีจิตสำนึกที่ดี และรับผิดชอบต่อหน้าที่
              3) กล้าตัดสินใจและกระทำในสิ่งที่ถูกต่องชอบธรรม
              4) คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว และมีจิตสาธารณะ
              5) มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน
              6) ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ
              7) ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ
             มาตรฐานทางจริยธรรมให้ใช้เป็นหลักในการจัดทำประมวลจริยธรรมของหน่วยงานของรัฐ
ที่จะกำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เกี่ยวกับสภาพคุณงามความดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยึดถือสำหรับการปฏิบัติงาน การตัดสินความถูกผิด การปฏิบัติที่ควรกระทำหรือไม่ควรกระทำ ตลอดจนการดำรงตน ในการกระทำความดีและละเว้นความชั่ว


ที่มา : ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรม สำนักงาน ก.พ.


วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

เสริมสร้างเกียรติภูมิข้าราชการ : สำนึกข้าราชการไทยไม่โกง

ประเภทของการทุจริต
          
         (1) การทุจริตโดยตรง เป็นการทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
         (2) การทุจริตโดยอ้อม เป็นการทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้ทุจริตไม่ได้ลงมือกระทำการด้วยตนเอง แต่อาศัยผู้อื่นเป็นคนกลางหรือผู้รับผลประโยชน์แทน
         (3) การทุจริตเชิงนโยบาย เป็นรูปแบบการคอร์รัปชันที่เกี่ยวกับบุคคล กลุ่มบุคคล นักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นายทุน ซึ่งมีเทคนิควิธีการซับซ้อน โดยมีการกำหนดนโยบาย โครงการหรือกิจกรรมที่จะทำโดยหน่วยงานของรัฐ อ้างว่าเป็นโครงการที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
         (4) การทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นการใช้ตำแหน่งหรืออำนาจทางราชการและการเมือง เพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้และการฉ้อโกงเอาเงินสาธารณะมาเป็นของตนและพรรคพวกหรือหาประโยชน์อื่น


ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.)