วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เคล็ดลับง่ายๆกลับบ้านปีใหม่ ปลอดภัย ไกลโควิด-19

 

กลับบ้านปีใหม่ ปลอดภัย ไกลโควิด-19 thaihealth

ปีใหม่ เทศกาลแห่งการเปลี่ยนศักราชที่ทุกคนรอคอย เปรียบเสมือนช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากเรื่องราวต่างๆ มาตลอดทั้งปี หลายคนเลือกที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ หลายคนเลือกที่จะเดินทางกลับบ้านไปหาครอบครัว คนรัก แต่ปีใหม่ปีนี้มีเหตุการณ์ที่ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ทำให้พวกเราต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตกันครั้งใหญ่เลยทีเดียว เหตุการณ์นั้นก็คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

นอกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากในทุกๆ ช่วงเทศกาลปีใหม่ วันหยุดยาวอื่นๆ หรือแม้แต่ในช่วงเวลาปกติ ก็คือ ปัญหาอุบัติเหตุ ความพยายามเอาชนะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถูกนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนว่า อะไรมีโอกาสทำให้เกิดการเสียชีวิตได้มากกว่ากัน แน่นอนว่าการที่พวกเราทุกคนมีความตระหนักถึงความจำเป็นในการต้องดูแล ป้องกันตัวเองจากโควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่จะดียิ่งกว่าไหม ถ้าหากพวกเราทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาอุบัติเหตุและความปลอดภัยทางถนนเช่นเดียวกัน ด้วยการสวมหมวกกันน็อค หรือคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อเดินทาง ไม่ว่าจะในระยะใกล้หรือไกล รวมทั้งไม่ลืมที่จะเช็กความพร้อมของทั้งคนและรถก่อนเดินทางเสมอ และสิ่งสำคัญที่สุด คือ ดื่มไม่ขับเด็ดขาด เพราะหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา นั่นอาจหมายถึงอันตรายถึงชีวิต 


อะไรบ้าง! ที่ต้องพร้อมเมื่อขับขี่?

กลับบ้านปีใหม่ ปลอดภัย ไกลโควิด-19 thaihealth

1. คน เมื่อต้องเดินทางไกล หรือขับขี่ในช่วงเทศกาล ต้องเตรียมพร้อมมากกว่าปกติ เพราะการจราจรที่คับคั่งจะเพิ่มความเหนื่อยล้าได้มากกว่าการเดินทางในช่วงปกติ

ก่อนขับรถ : พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงก่อนขับ 24 ชั่วโมง

ระหว่างขับรถ : ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด เตรียมผ้าเย็น ขนมแก้ง่วง เคารพกฎจราจร

กลับบ้านปีใหม่ ปลอดภัย ไกลโควิด-19 thaihealth

2.รถ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเดินทาง ฉะนั้น ก่อนออกเดินทางไกลทุกครั้ง จึงต้องเตรียมให้พร้อม โดยเฉพาะอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัย อย่าง เบรก ยางรถ หมวกกันน็อก อุปกรณ์ชุดเซฟตี้

กลับบ้านปีใหม่ ปลอดภัย ไกลโควิด-19 thaihealth.

        3.ถนน ศึกษาเส้นทางที่ต้องเดินทางไป ว่ามีความเสี่ยงจุดใดบ้าง มีทางเลี่ยง ทางลัดจุดใด และลักษณะถนนโค้งมากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

                                                                        ขอขอบคุณข้อมูลจาก: www.thaihealth.or.th

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ทำงานได้อย่างมด และมีความสุขได้อย่างตั๊กแตน นิทานอีสปสะท้อนความสุขกับปัจจุบัน

 

    ทำงานได้อย่างมด และมีความสุขได้อย่างตั๊กแตน นิทานอีสป สะท้อนความสุขกับปัจจุบัน

มี นิทานอีสป ที่รู้จักกันดีเรื่องหนึ่งชื่อ มดกับตั๊กแตน ช่วงฤดูร้อนอันร้อนระอุนั้น เหล่ามดพากันสะสมเสบียงอาหารสำหรับฤดูหนาว อย่างขะมักเขม้น ในขณะเดียวกันตั๊กแตนกลับเอาแต่นอนในระหว่างวันที่ร้อนระอุ พอตกกลางคืนก็สีไวโอลินเพลิดเพลินจำเริญใจ เป็นเช่นนี้อยู่ทุกคืนวัน

ครั้นเมื่อฤดูหนาวมาเยือน ตั๊กแตนที่ไม่ยอมทำงานในฤดูร้อนก็ไม่สามารถหาอาหารกินได้ จึงบากหน้าไปขอส่วนแบ่งจากมด พวกมดจึงตำหนิว่า “ตอนฤดูร้อนที่พวกเราทำงานหนักเพื่อเตรียมรับฤดูหนาว เจ้าก็เอาแต่เล่น ไม่ตระเตรียมอะไรเลย ถึงได้แบบนี้” แต่ก็มีน้ำใจแบ่งอาหารให้ตั๊กแตน

แต่ถ้าเปลี่ยนมุมมองอีกแบบ จะมองว่ามดทำงานเพื่ออนาคตโดยแลกกับปัจจุบัน แต่ตั๊กแตนมีความสุขกับปัจจุบันก็ไม่เหมือนกัน เรื่อง มดกับตั๊กแตน นี้เถียงกันเท่าไหร่ก็ไม่จบครับว่าใช้ชีวิตอย่างไหนถึงจะมีความสุขมากกว่ากัน แต่ผมคิดว่า ถ้าคนไหนสามารถใช้ชีวิตอย่างมดและตั๊กแตนไปพร้อม ๆ กันได้จะมีชีวิตที่มีความสุขที่สุด เพราะสามารถทำงานได้อย่างมด และมีความสุขกับปัจจุบันได้อย่างตั๊กแตนนั่นเอง

 

 

ความคิดที่ว่า “ไม่เอาไหนอย่างฉัน” เป็นการเรียกความทุกข์เข้าหาตัว การมีความฝันหรือความหวังคือการเชื่อว่า “อนาคตมีสิ่งดี ๆ รออยู่อย่างแน่นอน” คนเราจึงได้ตั้งใจทำงาน ตั้งใจเรียนเพื่ออนาคต แต่การสละความสุขในปัจจุบันทุกอย่าง หรือปฏิเสธตัวเองในปัจจุบันอย่างสุดโต่งเพื่อให้ได้มาตามที่ฝันหรือหวังไว้นั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง การวาดฝันถึงอนาคตไปพร้อม ๆ กับการยอมให้ตัวเองสนุกกับปัจจุบันต่างหากที่จะทำให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้

ในขณะเดียวกันก็มีบางคนเหมือนกันที่ไม่มีความฝันหรือความหวังในอนาคตเลย แล้วเอาแต่พูดว่า “ไม่เอาไหนอย่างฉัน” แม้จะไม่พอใจกับปัจจุบันไปหมด เพราะมีความนับถือตัวเองต่ำ แต่ก็เอาแต่คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะแก้ไขอะไรๆ ได้

การที่คิดว่า “เพราะฉันเป็นแบบนี้ ก็เลยไม่มีความหวังอะไรสำหรับอนาคต” เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากนะครับ การมีความหวังกับอนาคต อาจเริ่มมาจากการมีความสุขกับปัจจุบันนั้นคือสิ่งเดียวกับแนวคิดเรื่องการปฏิเสธอดีตและอนาคต ซึ่งเป็นการปัดความรับผิดชอบโดยมีทัศนคติว่า “ตอนนี้มีความสุขอยู่กับปัจจุบันก็พอ แม้จะไม่พอใจกับตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ หรือมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตก็ช่างมัน ลืมมันไปเสียแล้วมีความสุขดีกว่า”

“การมีความสุขกับปัจจุบัน” ในความหมายของผมหมายความว่า “คนที่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างแท้จริงถึงจะมีความสุขกับปัจจุบันได้”

                                                        ขอขอบคุณข้อมูลจาก : goodlifeupdate.com

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2563

หาก “โควิด-19” ระบาดระลอก 2

 

    การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) รอบที่ 2 เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก

ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค หรือสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง แต่หากเกิดเหตุการณ์นี้ในประเทศไทย เราควรรับมืออย่างไร?

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า โดยทั่วไปเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน อากาศจะเริ่มเย็นลง อัตราการเกิดโรคทางเดินหายใจจะเพิ่มมากขึ้น เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ หรือโรคไข้หวัด รวมถึง โควิด-19 ก็เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจโรคหนึ่งด้วย

    ถึงแม้ว่าขณะนี้ในประเทศไทยจะไม่พบการระบาดระหว่างประชากรไทยในประเทศ พบเพียงแต่การติดเชื้อจากกลุ่มคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แต่เมื่อมีมาตรการผ่อนปรนเป็นระยะออกมา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระบาดระลอก 2 อีกทั้งโรงเรียนเริ่มมีกำหนดเปิดเทอม ดังนั้นทุกคนจะต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติตนอยู่เสมอ ไม่ละเลยในการเฝ้าระวังตนเอง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการระบาดระลอกใหม่

CovidSeason2a

มาตรการในการป้องกันโควิด-19 และโรคติดต่ออื่นๆ ที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

  1. ล้างมือบ่อยๆ
  2. ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
  3. รับประทานอาหารแยกกับผู้อื่น
  4. การกำหนดระยะห่างของบุคคลอย่างน้อย 2 เมตร
  5. มีการสัมผัสกันระหว่างบุคคลให้น้อยที่สุด
  6. หลีกเลี่ยงการเข้าชุมชน หรือการรวมกลุ่มเป็นหมู่คณะ

ความเสี่ยงของการระบาดระลอก 2 ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนที่ต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะหากเกิดขึ้นจริง สถานการณ์จะหนักหนากว่ารอบแรกแน่นอน

                                                            ขอขอบคุณข้อมูลจาก: www.bangkokpattayahospital.com/

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ถ้าจะเรียนต้องรู้ ต่อปริญญาเอกจำเป็นกับอาชีพของคุณแค่ไหน

  


    ทางเลือกหนึ่งของภาวะหางานยากแบบนี้ คือการศึกษาต่อ โดยเฉพาะเด็กที่เพิ่งจบปริญญาตรีใหม่ ๆ ก็มักถือโอกาสนี้เรียนต่อปริญญาโท ระหว่างรองานไปด้วย ขณะที่บางคนกำลังลังเลว่าควรเรียนต่อปริญญาเอกดีไหม ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ก็อาจตัดสินใจเรียนต่อในทันที แต่ก่อนจะเรียน ลองมาสำรวจตัวเองให้ครบ 360 องศาก่อนว่า เป้าหมายในการเรียนต่อปริญญาเอกของคุณคืออะไร แล้วค่อยสมัครเรียนก็ยังไม่สายเกินไป 

เรียนต่อเอก


       
   เรียนต่อปริญญาเอกเพื่ออะไร

           ปริญญาเอกหรือ Doctor of Philosophy (Ph.D.) เป็นปริญญาสูงสุดที่เน้นการทำงานวิจัย สิ่งแรกเลย คุณควรต้องถามตัวเองก่อนว่ามีเป้าหมายชีวิตอย่างไร เช่น ต้องการทำงานในบริษัทเอกชนเพื่อไปให้สุด Career Path หรือสอบเข้ารับราชการ เพื่อไต่ระดับซีสูงสุด หรือต้องการใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาเพื่อสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น เพราะการตัดสินใจเรียนต่อปริญญาเอกนั้น คุณต้องเสียเวลาชีวิตไปอย่างน้อย 4 ปี ตามหลักสูตร บางคนอาจใช้เวลานานกว่านั้นกว่าจะจบการศึกษา รวมไปถึงค่าเทอมที่ต้องพิจารณา เพราะมีราคาสูงมาก หากเรียนในประเทศไทย ปีหนึ่งจะราว ๆ สองแสนบาท แต่หากเป็นต่างประเทศจะมากกว่า 1 ล้านบาทต่อปี ฉะนั้นคุณต้องมีกำลังทรัพย์ที่พร้อม


           อาชีพไหนเหมาะกับคนมีใบปริญญาเอก

           หลายคนมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าเรียนจบยิ่งสูง ฐานเงินเดือนจะสูงตามไปด้วย แต่ความจริงแล้ว ในหลายสายอาชีพไม่ได้ต้องการรับพนักงานที่ Over qualified เพราะไม่มีความจำเป็นต้องจ้างพนักงานในระดับปริญญาเอก

           อย่างไรก็ดี ยังคงมีอีกหลายอาชีพที่วุฒิปริญญาเอกตอบโจทย์ในการทำงาน ได้แก่ นักวิจัย หรืออาจารย์มหาวิทยาลัย หากเป็นในต่างประเทศแล้ว ถ้าผลงานวิจัยของคุณมีคุณภาพสูงมาก สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการได้ คุณจะเป็นที่ต้องการในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ให้ไปร่วมงานด้วย ซึ่งการจะต้องจมอยู่กับงานวิจัยเป็นเวลาหลาย ๆ ปีนั้น คุณต้องมีใจรัก ในสิ่งที่ทำด้วย เพราะสถิตินักศึกษาระดับปริญญาเอกที่ drop การเรียนออกไปสูงถึง 50% เลยทีเดียว
           มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดประจำปี 2021

           เมื่อมั่นใจในเป้าหมายการเรียนต่อปริญญาเอกแล้วก็ลุยเลือกมหาวิทยาลัยกันเลย โดยจากการจัดอันดับ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดประจำปี 2021 ของ Times Higher Education พิจารณาจาก 5 ปัจจัย คือ การวิจัย การสอน อิทธิพลด้านการวิจัย รายได้จากอุตสาหกรรม และมุมมองระหว่างประเทศ ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น 5 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ประจำปี 2021 ต่อไปนี้

           อันดับ 1      University of Oxford ประเทศอังกฤษ

           อันดับ 2      Stanford University ประเทศสหรัฐอเมริกา

           อันดับ 3      Harvard University ประเทศสหรัฐอเมริกา

           อันดับ 4      California Institute of Technology ประเทศสหรัฐอเมริกา

           อันดับ 5      Massachusetts Institute of Technology ประเทศสหรัฐอเมริกา

           การเรียนไม่ว่าจะเป็นระดับการศึกษาไหน จะเป็นคอร์สระยะสั้น หรือคอร์สระยะยาวก็ตาม ถือเป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น เพราะเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเอง ควรเลือกที่เหมาะสมกับเป้าหมายชีวิตด้วย

                                                                                    ขอขอบคุณข้อมูลจาก: https://th.jobsdb.com/