วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ธนบัตรพอลิเมอร์ดีอย่างไร

 

ความเป็นมาของธนบัตรพอลิเมอร์

- ธนบัตรพอลิเมอร์ใช้วัสดุพลาสติกสังเคราะห์ประเภท biaxially oriented polypropylene (BOPP) โดยในกระบวนการผลิตวัสดุพอลิเมอร์จะใช้แรงดึงฟิล์มพลาสติกในสองทิศทาง ทำให้ได้วัสดุที่ทนทานและโปร่งแสง

- ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่ผลิตและออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์อย่างต่อเนื่อง โดยออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์ 10 ดอลลาร์ เป็นชนิดราคาแรก เมื่อปี ค.ศ. 1988 โดยมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านการปลอมแปลงธนบัตร เนื่องจากธนบัตรพอลิเมอร์สามารถรองรับลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงได้หลากหลายมากกว่าธนบัตรกระดาษ

- ธนบัตรพอลิเมอร์ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ ในช่วงทศวรรษ ค.ศ. 1990-1999 หลายประเทศได้ออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์ โดยส่วนใหญ่ออกใช้เป็นธนบัตรที่ระลึก หรือ ออกใช้เฉพาะในบางชนิดราคา อาทิ มาเลเซีย โรมาเนีย บรูไน ต่อมาในช่วงทศวรรษ ค.ศ. 2000-2009 หลายประเทศได้ออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์เป็นธนบัตรหมุนเวียน ยกตัวอย่างเช่น มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ อิสราเอล และเม็กซิโก ล่าสุดในช่วงปี ค.ศ. 2010 – ปัจจุบัน ธนบัตรพอลิเมอร์เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น เช่น ในประเทศ แคนาดา ชิลี ซาอุดิอาระเบีย สก็อตแลนด์ และอังกฤษ

ธนบัตรพอลิเมอร์ดีอย่างไร

สะอาด ธนบัตรพอลิเมอร์มีความทนทานต่อความชื้นและสิ่งสกปรกได้ดี จากกรณีศึกษาในประเทศต่าง ๆ พบว่าธนบัตรพอลิเมอร์มีอายุการใช้งานประมาณ 2.5 เท่าของธนบัตรกระดาษ โดยการออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์ช่วยยกระดับคุณภาพธนบัตรออกใช้หมุนเวียนให้ใหม่และสะอาดมากยิ่งขึ้น แม้ในประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น เช่น มาเลเซีย และสิงคโปร์

ทนทาน เทคโนโลยีในการผลิตธนบัตรพอลิเมอร์ได้มีพัฒนาการไปอย่างมากในช่วง 10-20 ปี ที่ผ่านมา โดยในส่วนของวัสดุพอลิเมอร์ ได้มีการปรับปรุงให้ทนทานและพิมพ์ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ เครื่องจักรและเทคโนโลยีในการพิมพ์และการเคลือบผิวธนบัตรหลังการพิมพ์ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต ตลอดจนคุณสมบัติของหมึกพิมพ์และสารเคลือบสำหรับการผลิตธนบัตรพอลิเมอร์ก็มีการปรับปรุงจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก 

ปลอดภัย (จากการปลอมแปลง) ธนบัตรพอลิเมอร์สามารถออกแบบให้มีลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงที่หลากหลายและปลอมแปลงยากกว่าธนบัตรกระดาษ โดยในระยะ 10-20 ที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาของเทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงไปเป็นอย่างมาก จากกรณีศึกษาในหลาย ๆ ประเทศ พบว่าการออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์มีผลทำให้สถิติการปลอมแปลงธนบัตรลดลงได้อย่างชัดเจน

เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงคาร์บอนฟุตปรินท์ (จากการผลิตธนบัตรทดแทน การขนส่งและกระจายธนบัตร และการทำลายธนบัตรที่เสื่อมสภาพและหมดอายุการใช้งาน เป็นต้น) ของธนบัตรพอลิเมอร์น้อยกว่ากระดาษ (อ้างอิง ตัวอย่างผลการศึกษาของประเทศแคนาดา และประเทศอังกฤษ) เนื่องจากธนบัตรพอลิเมอร์มีอายุการใช้งานที่ยาวกว่าธนบัตรกระดาษเป็นอย่างมาก

ธนบัตรพอลิเมอร์กับประสิทธิภาพโดยรวมของการบริหารจัดการธนบัตรของประเทศ

พันธกิจที่สำคัญของธนาคารกลาง หรือแบงก์ชาติ ในประเทศต่าง ๆ ครอบคลุมถึงการออกใช้และดูแลธนบัตรหมุนเวียนให้มีคุณภาพดี (รวมถึงมีความสะอาด โดยไม่เก่าจนเกินไป) มีลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงที่มีประสิทธิผล ภายใต้ต้นทุนในภาพรวมที่มีประสิทธิภาพ 

ธนบัตรพอลิเมอร์ได้รับความนิยมมากขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าธนบัตรกระดาษ สามารถต้านทานความชื้นและสิ่งสกปรกได้ดี ตลอดจนรองรับลักษณะการปลอมแปลงที่หลากหลายและแตกต่างจากธนบัตรกระดาษ นอกจากนี้ กระบวนการผลิตวัสดุพอลิเมอร์ และการพิมพ์ธนบัตรพอลิเมอร์ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ต้นทุนในการผลิต หรือจัดซื้อ ธนบัตรพอลิเมอร์ มีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา 

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าการออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์ โดยเฉพาะในชนิดราคาต่ำ จะทำให้ได้รับประโยชน์ของธนบัตรพอลิเมอร์อย่างเต็มที่ อันจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพโดยรวมของการบริหารจัดการธนบัตรของประเทศ

https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_19May2021.aspx

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.bot.or.th

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564

แก้ปัญหาการนอนไม่หลับ


การนอนหลับพั


กผ่อนให้เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต ซึ่งความต้องการของคน ในแต่ละช่วงวัยก็ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าวัยไหนหาก นอนไม่เพียงพอก็มีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ได้แก่ ร่างกายจะมีความอ่อนเพลีย สมาธิสั้นลง ความจำแย่ลง มีความบกพร่องในการ ทำงานต่างๆ หากใครกำลังประสบปัญหาการนอนไม่หลับ ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุลภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีคำแนะนำมาฝากกัน

          โดย ต้องหาสาเหตุของโรคต่างๆ ที่ทำให้มีอาการนอนไม่หลับได้ ซึ่งเราต้องสำรวจตัวเองก่อนว่ามีโรคอะไรที่ส่งผลให้เรานอน ไม่หลับหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย เช่นโรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคหัวใจ เป็นต้น ด้านจิตใจ ที่พบได้บ่อยก็คือโรคซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน โรควิตกกังวล โรคการปรับตัวผิดปกติ เป็นต้น
          รักษาด้วยการปรับพฤติกรรม คือ การปรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จนทำให้นอนหลับได้ไม่ดี หรือนอนหลับได้ยากขึ้น มาเป็นพฤติกรรมใหม่ที่เหมาะสมนำไปสู่การนอนหลับที่ดีขึ้น ประกอบไปด้วย  4  อย่างดังนี้
          หลักสุขอนามัยของการนอนหลับ (sleep hygiene)
          รูปแบบการใช้ชีวิตและพฤติกรรมในแต่ละวัน มีสิ่งที่ควรทำที่จะช่วยส่งเสริมให้การนอนหลับดีขึ้น และ สิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งจะส่งผลให้การนอนหลับแย่ลง
          สิ่งที่ควรทำ รักษาเวลาการเข้านอน และการตื่นให้คงที่สม่ำเสมอมากที่สุด, งด รับประทานอาหารหนักๆ ก่อนเข้านอน, ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกาย ในช่วงเช้า หรือช่วงกลางวัน และไม่ควรใกล้เวลานอนมาก การออกกำลังกายควรห่างจากเวลาเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง), จัดเวลา สำหรับการผ่อนคลาย ร่างกายและจิตใจ ช่วงเวลาประมาณ 30 นาที ก่อนเข้านอน, หลีกเลี่ยงการขบคิดปัญหาต่างๆ ช่วงก่อนเข้านอน และจัดห้องนอนให้บรรยากาศเหมาะสมแก่การนอนหลับ คือ เงียบ สบาย ปลอดภัย ไม่มีแสงรบกวน มีอากาศถ่ายเทสะดวก และอุณหภูมิเหมาะสม คือไม่ร้อนไม่เย็นเกินไป
          สิ่งที่ไม่ควรทำ การงีบหลับในช่วงกลางวันนานเกิน 30 นาที, การดูนาฬิกาบ่อยๆ หรือมีนาฬิกาไว้ใกล้สาย
          ตา,การทำกิจกรรมที่เร้า หรือ กระตุ้น ให้เคร่งเครียดก่อนนอน เช่น การดูรายการ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรืออ่านหนังสือที่ตื่นเต้น ตึงเครียดก่อนนอน หรือการเล่นคอมพิวเตอร์ มือถือ โซเชียลเนตเวิร์ก ก่อนเข้านอน เป็นต้น, การรับประทานอาหารหนักๆ ก่อนเข้านอน, การดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน หลังเที่ยงวัน ไปแล้ว เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม ช็อกโกแลต โกโก้ เป็นต้น, การสูบบุหรี่ ก่อนเข้านอน หรือ เมื่อนอนไม่หลับ เพราะสารนิโคติน ในบุหรี่ จะมีฤทธิ์กระตุ้นทำให้หลับได้ยาก, การดื่ม แอลกอฮอล์ ก่อนเข้านอน จะทำให้การนอนหลับ ที่ไม่มีคุณภาพ, การใช้เตียงนอนสำหรับกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการนอน และ เพศสัมพันธ์ เช่น การรับประทานอาหาร การอ่านหนังสือ การออกกำลังกายบนเตียง การทำงาน หรือการพูดคุยโทรศัพท์ เป็นต้น
          การรักษาโดยการควบคุมปัจจัยกระตุ้น (stimulus control therapy)
          เป็นแนวทางการรักษาที่มาจากทฤษฎีการเรียนรู้ โดยเชื่อว่าอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด การทำงานของร่างกาย และ สมอง เชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ได้แก่ ขึ้นไปอยู่บนเตียงต่อเมื่อง่วงเท่านั้น, ใช้เตียงนอนหรือห้องนอนสำหรับการนอนหลับและกิจกรรมทางเพศเท่านั้น, ลุกออกจากเตียงเมื่อไม่สามารถนอนหลับได้, ตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกเช้า และอย่างีบหลับระหว่างวัน การศึกษาพบว่าการรักษาโดยการควบคุมปัจจัยกระตุ้น มีประสิทธิภาพต่อการนอนหลับที่เร็วขึ้น การตื่นกลางดึกช้ากว่า ประสิทธิภาพในการนอนหลับดีขึ้น และการหลับลึกมากขึ้น
          การรักษาด้วยการผ่อนคลาย (relaxation therapy)
          การรักษาด้วยการผ่อนคลาย เป็นการช่วยลดระดับความตื่นตัวทางสรีรวิทยาของร่างกาย และจิตใจ จะมีผลทำให้ระบบประสาทซิมพาเธทิค (sympathetic nervous system) ทำงานลดลง และระบบประสาทพาราซิมพาเธทิค (parasympathetic nervous system) ทำงานมากขึ้น ทำให้ร่างกายและความรู้สึกทางจิตใจผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งทำให้การนอนหลับเกิดง่ายขึ้น มีหลายวีธี ดังนี้
          1. การหายใจเข้า-ออก ช้าๆ ลึกๆ (diaphragmatic breathing) คือ การหายใจเข้า-ออก ช้าๆ สบายๆ
          2. จินตนาการ (imagery) โดยการนึกถึงภาพที่ทำให้รู้สึกสบายผ่อนคลาย
          3. การฟังเพลงบรรเลงที่ทำให้ผ่อนคลาย (relaxing music) เพลงบรรเลงที่ผ่อนคลาย จะทำให้คลื่นสมองเปลี่ยนจาก คลื่นเบต้า ซึ่งเป็นคลื่นสมองในช่วงตึงเครียด เป็นคลื่นสมองในช่วงที่ผ่อนคลายมากขึ้น คือ คลื่นแอลฟา ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายจนเข้าสู่การหลับได้ง่ายขึ้นจนเข้าสู่คลื่นเธตาและคลื่นเดลต้า ซึ่งเป็นคลื่นหลับ
          4. การทำสมาธิ (meditation) ช่วยให้จิตใจและร่างกายเกิดความรู้สึกสงบผ่อนคลาย จนความฟุ้งซ่านทางความคิด และอารมณ์ลดลง
          5. การตระหนักรู้สภาพร่างกายจากความเครียด (biofeedback) โดยใช้เครื่องตรวจวัด วิธีการใช้เครื่องมือที่ช่วยให้เกิดการ ตระหนักรู้เกี่ยวกับสรีรวิทยาในร่างกายเกี่ยวกับ ความเครียด และการผ่อนคลาย จากนั้น ผู้ป่วยเข้าใจสภาพร่างกายที่ผ่อนคลายเป็นอย่างไร และสามารถนำไปดูแลตัวเองต่อได้ เพื่อให้ร่างกายเกิดการผ่อนคลายจนเข้าสู่การนอนหลับได้ดีขึ้นในตอนกลางคืน
          6. การตระหนักรู้ความคิด และ อารมณ์ ต่างๆ ที่เกิดขึ้น (mindfulness) และเรียนรู้ ยอมรับธรรมชาติของมัน ด้วยใจที่ปล่อยวาง เป็นกลาง และผ่อนคลาย โดยไม่เข้าไปแทรกแซง หรือจัดการความคิด หรืออารมณ์นั้น
          การรักษาโดยการปรับเปลี่ยนความคิด
          การใช้ cognitive technique ในการปรับเปลี่ยนวิธีคิดที่ไม่เหมาะสม ความเชื่อในแง่ลบ การคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผล การรับรู้เกี่ยวกับการนอนที่ผิดไป ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการนอนและสถานการณ์การนอนหลับ จนส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล และ กลัวการนอนไม่หลับอย่างมาก
          การปรับเปลี่ยนความคิด จะมุ่งเน้นที่การหาความเชื่อ ความคาดหวัง และการรับรู้ ที่ผิด และวิเคราะห์ความเชื่อ ความคาดหวัง และการรับรู้เกี่ยวกับการนอนใหม่อีกครั้งและแทนที่ด้วยความคิดใหม่ที่ถูกต้องตาม ความเป็นจริง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.pr.moph.go.th

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2564

วิธีการเลือกยางให้เหมาะกับรถ



ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางรถของคุณแล้วหรือยัง นี่คือวิธีที่จะช่วยให้คุณเลือกยางที่เหมาะกับรถของคุณ

โดยปกติแล้วยางรถยนต์มีอายุการใช้งานอยู่ที่ 2 ปี หรือที่การวิ่ง 20,000 – 50,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับประเภทของยางและผู้ผลิต หลายคนขับรถจนลืมตรวจเช็คสภาพยางจนเกิดปัญหาที่รุนแรงตามมาในภายหลัง สำหรับใครที่ยังไม่ได้ตรวจเช็คยางและวิธีการเลือกซื้อยา



หาขนาดของวงล้อและความกว้างที่เหมาะสม

ขนาดของวงล้อและความกว้างของยางที่เหมาะสมกับตัวรถของคุณนั้นสามารถหาได้จากคู่มือที่ติดมาจากตอนซื้อรถหรือสติกเกอร์คำแนะนำที่ติดอยู่บริเวณประตูรถ ตรวจสอบข้อมูลยางรถยนต์ที่เหมาะสมของคุณให้ถูกต้อง เช่น ขนาดยางมาตรฐาน แรงดันของลมยางที่เหมาะสม และน้ำหนักของตัวยาง กฎเหล็กที่สำคัญสำหรับการเลือกซื้อยางรถยนต์คือ ควรเลือกยางที่ลักษณะเหมือนหรือใกล้เคียงกับยางต้นแบบที่มากับตัวรถของคุณในตอนแรกให้มากที่สุด และอย่าลืมตรวจสภาพยางอะไหล่ ซึ่งขนาดของตัวยางจะระบุอยู่ที่บริเวณขอบยาง สำหรับใครที่ยังสับสนกับตัวเลขบนขอบยาง เรามีตัวอย่างและวิธีการอ่านเลข

ตัวอย่าง : 215 65 R15
215 เป็นตัวเลขที่บอกถึงความกว้างของหน้ายาง หน่วยเป็นมิลลิเมตร
65 เป็นตัวเลขสัดส่วนของ ความสูงของตัวยางต่อความหนา
R15 เป็นตัวเลข ระยะเส้นผ่านศูนย์กลางของวงล้อหรือขนาดล้อแม็กซ์

สำรวจวิธีการขับรถของตัวคุณ

อายุการใช้งานของรถยนต์ และสไตล์การขับของคุณ เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อยางรถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณรู้ตัวว่าคุณเป็นคนที่ชอบเหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไปถึงที่หมายให้ทันเวลา ยางเส้นใหม่ของคุณควรจะเลือกแบบที่สามารถเกาะถนนให้มากขึ้น เพื่อรักษาสมดุลและความปลอดภัยในการขับขี่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ต้องขับรถทางไกลอยู่บ่อยครั้งคุณควรเลือกยางเส้นใหญ่ขึ้น และสามารถทนกับความร้อนและเกาะถนนมากกว่ายางเส้นเดิม

ค่าเทรดแวร์ (Treadwear) ค่าความสามารถในการหยุดรถ (Traction) และระดับอุณหภูมิ (Temperature)

บริเวณขอบยางจะระบุ Treadwear, Traction และ Temperature มา เรามารู้จักกับความหมายกันทีละตัว เริ่มต้นที่

ค่าเทรดแวร์ (Treadwear) เป็นตัวเลขที่ใช้สำหรับเปรียบเทียบการสึกหรอของยาง ซึ่งตัวเลขที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ 200 และไม่ต่ำกว่า 100

ค่าความสามารถในการหยุด (Traction) เป็นตัวเลขที่ใช้บอกความสามารถในการหยุดรถบนพื้นถนนเปียก โดยมีระดับสูงสุดอยู่ที่ AA และไล่ลงไป A, B และ C

ระดับอุณหภูมิ (Temperature) บอกความสามารถในการทนอุณหภูมิของยาง ซึ่งสำหรับประเทศไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อนแล้ว ขอแนะนำให้คุณเลือกยางที่สามารถทนความร้อนได้สูงสุดไว้ก่อนน่าจะดีกว่า

รหัสการผลิต

ตัวเลข 4 หลัก ที่อยู่หน้าสุดหรือด้านหลังสุดของค่าที่ระบุไว้บนยาง เป็นตัวเลข สัปดาห์ และ ตามด้วยปีที่ผลิตยาง ซึ่งมีความสำคัญมากในการตรวจเช็คยาง ถ้าหากว่าคุณรู้สิ่งเหล่านี้ ก็จะทำให้คุณสามารถเลือกซื้อยางที่เหมาะกับรถยนต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย และไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้ราคาพิเศษด้วย

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.easycompare.co.th

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2564

เป็นรังแค ทำอย่างไรดี?

 


รังแคมาจากไหนหนังศีรษะของเราจะมีการผลัดเปลี่ยนเซลผิวใหม่ทุกๆ 28 วัน เหมือนกับผิวหนังบริเวณอื่นๆ เมื่อเซลเก่าที่ตายแล้วถูกผลัดออกไปก็จะสร้างเซลใหม่ขึ้นมา แต่ถ้าการผลัดเซลผิดปกติไป ก็จะเกิดรังแคตามมาได้ สาเหตุก็มาจาก

-ผิวหนังแห้งเพราะอากาศในฤดูหนาว หรือเพราะใช้ชีวิตประจำวันในห้องปรับอากาศที่เย็นและมีความชื้นต่ำ

-หนังศีรษะได้รับเคมีรุนแรงเป็นประจำ เช่น ดัดผมบ่อย ทำสีผมบ่อย ใช้แชมพูแรงๆ สเปรย์ฉีดผม หนังศีรษะก็จะถูกกระทบมากทำให้แห้งและทำให้มีการเร่งผลัดเซลผิวในอัตราเร็วกว่าปกติ 

-การเร่งผลัดเซลผิวในอัตราที่ผิดปกติ นี่แหละที่จะทำให้เซลตายแล้วที่ถูกผลัดออกจะสะสมเป็นกลุ่มก้อนหนาๆ คือรังแคนั่นเอง จากนั้นอาการคันศีรษะก็จะตามมา การสะสมของรังแคยังไปอุดรูขุมขนของเส้นผม ทำให้น้ำมันจากต่อมไขมันที่รากผมไม่สามารถระบายออกมาได้ ทำให้หนังศีรษะขาดน้ำมันหล่อลื่ จึงแห้งคันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

-สำหรับคนที่มีปัญหารังแคเรื้อรัง ก็อาจทำให้หนังศีรษะอักเสบและมีเชื้อราเจริญเติบโตมากผิดปกติ ซึ่งในสภาวะปกติหนังศีรษะคนเราจะมีเชื้อราอาศัยอยู่ในปริมาณน้อยและไม่สร้างปัญหา แต่ในสภาวะที่หนังศีรษะมีรังแคมาก เชื้อราจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและก่อให้เกิดอาการอักเสบของหนังศีรษะ (Pityriasis capitis) 

เมื่อหนังศีรษะคันและแห้งต้องทำยังไงดี

1.  ควรใช้แชมพูขจัดรังแค อาทิตย์ละ 1 ครั้ง 

2.  ลดความร้อนของไดร์เป่าผม

3.  ควรใช้แชมพูที่อ่อนโยนและมีมอยส์เจอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ

4. พยายามไม่ใช้น้ำอุ่นสระผม เพราะน้ำอุ่นจะทำให้น้ำมันธรรมชาติบนหนังศีรษะถูกชะล้างออกมากเกินไป ทำให้หนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น

5. ห้ามเกาศีรษะแรงๆ ด้วยเล็บ เวลาไปใช้บริการที่ร้านทำผมก็ให้ขอร้องคนสระผมด้วยว่า ไม่ต้องใช้เล็บเกานะคะ หรือให้ช่วยเกาเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว

6.อย่าคิดว่ามีรังแคไม่ควรใช้ครีมนวด แต่จำเป็นที่จะต้องบำรุงหนังศีรษะด้วยครีมนวดผมชนิดเข้มข้น โดยให้นวดทิ้งไว้อย่างน้อย 15-20 นาที จึงล้างออก เนื้อครีมและน้ำมันจะช่วยขจัดรังแคส่วนเกินให้หลุดลอกออกไปได้ และ ช่วยเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.healthydee.moph.go.th/

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2564

บิ๊กอาย อันตรายถึงตาบอด

 


คงปฏิเสธไม่ได้ถึงแฟชั่นยอดฮิต....บิ๊กอายที่แพร่หลายอยู่ในหมู่วัยรุ่นและวัยทำงาน ด้วยความที่หาซื้อได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นทางร้านค้าออนไลน์หรือแม้แต่ตามตลาดนัดทั่วไป อันที่จริงแล้วบิ๊กอายเป็นคอนแทกเลนส์แฟชั่น ใส่แล้วทำให้ตาดำดูใหญ่ขึ้น แถมยังมีลูกเล่นสีและลวดลายต่างๆ ตามเทรนด์เกาหลี และที่สำคัญราคายังไม่แพงอีกด้วย ซึ่งจริงๆแล้วผลิตภัณฑ์นี้จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้น การผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย จึงจำเป็นจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนเท่านั้น

            ในระยะที่ผ่านมามีข่าวผู้ป่วยติดเชื้อที่ตาเนื่องจากการใช้บิ๊กอายหลายราย เชื้อที่เป็นสาเหตุ คือ ซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไป เชื้อนี้เป็นสาเหตุสำคัญอันดับแรกของการติดเชื้อที่กระจกตาในผู้ใช้คอนแทกเลนส์ นั่นหมายความว่า ไม่ใช่แค่คนที่ใช้บิ๊กอายเท่านั้นแต่หมายรวมถึงคนใช้คอนแทกเลนส์ทั่วไปด้วย หากยังจำกันได้ เชื้อชนิดเดียวกันนี้เคยเป็นข่าวมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนางงามชาวบราซิลวัย 20 ปี ที่ติดเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกันนี้ที่กระเพาะปัสสาวะในขณะอยู่โรงพยาบาล ภายหลังเข้ารับการรักษาผ่าตัดนิ่วที่ไต ซึ่งในที่สุดคณะแพทย์ต้องตัดมือและเท้าทั้ง 2 ข้างออกเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวเข้าสู่กระแสเลือด และได้เสียชีวิตลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงเดือนเศษเท่านั้น หรือในประเทศไทยเองก็เกิดเป็นข่าวดังจากการติดเชื้อดังกล่าวที่กระจกตาเมื่อมารับการผ่าตัดในโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยบางรายถึงขั้นตาบอด

            ทำไมเชื้อชนิดเดียวกันนี้จึงก่อให้เกิดโรคในลักษณะที่แตกต่างกันได้หลายโรค ?????????คำตอบนั้นอยู่ที่ตัวเชื้อนี้เป็นแบคทีเรียแกรมลบที่จัดเป็นเชื้อประเภทฉวยโอกาส นั่นหมายความว่า เชื้อนี้มักไม่ก่อโรคในคนที่มีสุขภาพดี แต่มักพบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งรวมไปถึงผู้ป่วยที่อยู่ในอาการโคม่าหรือผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล แบคทีเรียชนิดนี้สามารถแพร่กระจายและก่อโรคได้หลายระบบ อาทิเช่น การติดเชื้อที่กระจกตา ระบบประสาทส่วนกลาง เยื้อหุ้มหัวใจ ปอด ผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อน ทางเดินปัสสาวะ ปัญหาสำคัญของเชื้อนี้ คือ มักก่อให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เชื้อตัวยังมีความสามารถในการดื้อยาสูงและเชื้อบางสายพันธุ์ของกลุ่มนี้สามารถดื้อยาหลายขนาน หรือที่รู้จักกันว่า Multi-Drug Resistance (MDR)

            สำหรับการติดเชื้อที่กระจกตาจากการใช้คอนแทกเลนส์นั้น ดังที่กล่าวแล้วไม่ใช่แต่เพียงผู้ใช้บิ๊กอายเท่านั้น แต่หมายรวมถึงคอนแทกเลนส์ทั่วไปด้วย สิ่งที่ต้องระวังก็คือ บิ๊กอายที่นำเข้ามาโดยไม่ถูกกฎหมาย ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ยิ่งตัวเลนส์มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าตาดำของชาวเอเชียแล้ว ยิ่งอาจก่อความระคายเคืองเกิดรอยถลอก ทำให้โอกาสที่เชื้อผ่านชั้น เยื่อบุผิวตาดำ ไปสู่กระจกตามีมากยิ่งขึ้น เชื้อนี้ยังสามารถสร้างเอนไซม์หลายชนิด เช่น เอ็นไซม์ที่ใช้ย่อยโปรตีนซึ่งสามารถทำลายเยื่อบุผิวตาดำได้ นอกจากนี้ยังมีอาวุธประจำกายอื่นๆ ที่หลากหลายในการทำลายเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจจัดแบ่งออกได้เป็นดังนี้

1.       การเข้าเกาะติดเนื้อเยื่อและทวีจำนวนเชื้อ

2.       การเข้าบุกรุกทำลายเซลล์

3.       สร้างเอนไซม์และท็อกซินที่เป็นพิษต่อเนื้อเยื่อ

            เชื้อนี้ยังมีความสามารถในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ผลิตสารที่ทำลายกระจกตาได้ นอกจากนี้ยังกระตุ้นตัวรับ (receptor) เยื่อบุผิวตาดำให้จับตัวเชื้อแล้วกระตุ้นให้เซลล์สร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ที่จะดึงดูดเซลล์เม็ดเลือดขาวเข้ามาที่กระจกตา เกิดการทำลาย เยื่อบุผิวตาดำ ก่อให้เกิดอันตรายจนอาจทำให้ตาบอดถาวรได้ ดังนั้น ก่อนเลือกใช้คอนแทกเลนส์ จึงควรตรวจสอบว่าผ่านการรับรองจากอย. หรือไม่ และควรดูแลทำความสะอาดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจุลินทรีย์อย่างสม่ำเสมอ

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.healthydee.moph.go.th/

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564

มดที่สามารถหดและงอกสมองของมันได้เพื่อเป็นราชินี

 นักวิจัยพบว่ามดกระโดดอินเดียสามารถหดตัวและงอกสมองได้



ในอาณานิคมของสปีชีส์มดส่วนใหญ่จะมีราชินีเพียงตัวเดียวซึ่งสถานะเมื่อแรกเกิด แต่ในงานวิจัยใหม่เกี่ยวกับมดได้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่ามีมดบางชนิดสามารถเปลี่ยนขนาดของสมองได้ และมีเพียงไม่กี่สายพันธุ์ที่สามารถเปลี่ยนกลับเป็นขนาดเดิมได้อีกครั้ง ซึ่งความสามารถในการหดตัวแล้วสร้างสมองขึ้นใหม่นี้เกิดขึ้นในมดกระโดดอินเดีย  (Harpegnathos saltator) ที่ได้เสนอให้สมาชิกของกลุ่มมดงานของอาณานิคมได้รับโอกาสคัดเลือกเพื่อเป็นราชินี 
ในบรรดามดเหล่านี้ หากราชินีต้องพบกับจุดจบก่อนวัยอันควร มดธรรมดาสองสามตัวอาจมีโอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นราชินีแทนอย่างกะทันหัน และเพื่อเปลี่ยนชะตากรรมของพวกมัน มดงานจะต้องเอาชนะคู่แข่งโดยการใช้หนวดของมันเพื่อปัดป้องและทิ่มแทงกันและกันในการแข่งขัน
Clint Penick
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาจาก Kennesaw State University ในจอร์เจียกล่าวว่า " ในมดส่วนใหญ่ ราชินีเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในอาณานิคมที่วางไข่ ส่วนมดงานแค่ล่าสัตว์และดูแลตัวอ่อน รวมทั้งงานบ้านทั้งหมดในอาณานิคม แต่ราชินีเป็นตัวเดียวที่สืบพันธุ์ เมื่อเธอตายอาณานิคมก็จะตายไปด้วย ”
แต่สำหรับมดชนิดนี้ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในอินเดีย มดงานของพวกมันมีความสามารถทั้งในการผสมพันธุ์และขยายพันธุ์ ดังนั้น เมื่อราชินีมดกระโดดอินเดียตาย
จะทำให้เกิดการแข่งขัน โดยพวกมันจะต่อสู้กันเองเพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นมดตัวต่อไปที่จะมาแทนที่ราชินี เมื่อการสู้รบซึ่งกินเวลานานถึง 40 วันได้ข้อสรุป 
นักสู้ที่ประสบความสำเร็จจำนวนหนึ่งซึ่งเรียกว่า  gamergate จะเริ่มสร้างรังไข่จำนวนมากที่ทำหน้าที่ในการวางไข่เหมือนราชินี ซึ่งจะทำให้พวกมันเริ่มวางไข่ได้

สิ่งที่แปลกประหลาดคือ มดที่ชนะเหล่านี้จะสูญเสียมวลสมองไปเกือบหนึ่งในห้าระหว่างทางที่จะกลายเป็นราชินีเทียม ซึ่งจากผลการวิจัยใหม่ที่น่าเหลือเชื่อพบว่า ถ้าชีวิตที่วางไข่ของราชวงศ์มดไม่ได้ผล ราชินีเทียมสามารถหวนคืนสู่ชีวิตของสามัญชนและปลูกเนื้อเยื่อสมองใหม่ที่สูญเสียไปกลับมาได้
ตามรายงานของ Annie Roth จาก New York Times งานวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Proceedings of the Royal Society B ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาและถือเป็นตัวอย่างแรกของแมลงที่มีความสามารถพิเศษแบบนี้
Penick
และคณะอธิบายลายละเอียดเพิ่มเติมว่า เมื่อมดสวมบทบาทเป็น gamergate สมองของพวกมันจะหดตัวลงโดยเฉลี่ย 19% การหดตัวอาจเกิดขึ้นเพื่อให้สามารถประหยัดพลังงานเพื่อเน้นการผลิตไข่ได้ จากนั้น ฮอร์โมนจะกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมขึ้นในมด รวมถึงรังไข่ที่ใหญ่ขึ้น การผลิตพิษน้อยลงและมีอายุขัยยืนยาวขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าสมองของมดหดตัวเพื่อขยายพันธุ์ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่ไม่รู้ก็คือพวกมันมีความสามารถที่จะปลูกสมองของพวกมันให้กลับไปมีขนาดเท่าก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเมื่อคุณสูญเสียเซลล์สมอง จะไม่สามารถนำกลับมาได้อีก
เพื่อพิสูจน์ Penick และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ได้นำ gamergate เหล่านี้ออกจากอาณานิคมเป็นเวลาสองถึงสามสัปดาห์ โดยให้ขาดการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการดูแลเอาใจใส่ เพื่อดูว่าพวกมันจะกลับคืนสู่สถานะเดิมของมดงานหรือไม่  ซึ่งมันได้ผล หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์  gamergate เหล่านี้ก็กลับมาเป็นมดงานธรรมดาโดยมีสมองที่ใหญ่ขึ้น

Penick กล่าวว่า เมื่อเริ่มการศึกษา เราไม่รู้ว่าแมลงตัวใดที่สามารถทำสิ่งนี้ได้จริง แต่ก็พบว่ามีสัตว์หลายชนิดที่สามารถหดสมองของพวกมันแล้วงอกใหม่ได้ แม้กระทั่งในมนุษย์ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขนาดที่เราเห็นในอาณานิคมที่นี่ โดยอาณานิคมมดกระโดดของอินเดียที่ใช้ในการศึกษานี้เป็นอาณานิคมเดียวกับที่รวบรวมได้ในอินเดียเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว และเป็น epigenome แรกสำหรับสายพันธุ์นี้

สำหรับ มดกระโดดของอินเดียหรือที่รู้จักในชื่อ Harpegnathos saltator เป็นสัตว์ขาปล้องยาว 1 นิ้ว อาศัยอยู่ในที่ราบน้ำท่วมถึงของอินเดีย ขึ้นชื่อเรื่องขากรรไกรที่เหมือนคีมและตาสีดำขนาดใหญ่ โดยจับและฆ่าเหยื่อที่มีขนาดประมาณสองเท่าของมัน และตามชื่อของมันที่สามารถกระโดดขึ้นไปในอากาศได้ประมาณ 4 นิ้ว การกระโดดเหล่านี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อหลบหนีเท่านั้น แต่ยังเพื่อจับเหยื่อที่บินได้ด้วย

มดกระโดดอินเดียนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นความสามารถที่น่าทึ่ง โดยหลั่งส่วนหนึ่งของมวลสมองเพื่อประหยัดพลังงานและผลักดันทรัพยากรจากสมองไปยังรังไข่เพื่อการสืบพันธุ์ อย่างไรก็ตาม มดไม่ใช่แมลงชนิดเดียวที่มีความสามารถในการเพิ่มขนาดสมอง ยังมีผึ้งที่สามารถเพิ่มขนาดของสมองได้ 

เพียงแต่มดเป็นแมลงชนิดเดียวที่ไม่ใช่แค่สามารถเพิ่มขนาดสมองได้แต่ยังลดได้ด้วย

  ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.pantip.com

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564

Storage คืออะไร มีกี่ประเภท และเลือกใช้งานอย่างไร

 


            คือชิ้นส่วนของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับบันทึกพกพาและดึงข้อมูลออกมา สามารถเก็บและรักษาข้อมูลในระยะสั้นหรือระยะยาว อาจเป็นอุปกรณ์ภายในหรือภายนอกคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ Storage เป็นหนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เกือบจะบันทึกข้อมูลและแอปพลิเคชันทั้งหมดในคอมพิวเตอร์ยกเว้นเฟิร์มแวร์ฮาร์ดแวร์ มีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความต้องการและฟังก์ชันการทำงาน

มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

รายการประเภทของ Storage ที่นิยมใช้สำหรับการสำรองข้อมูลมีดังนี้

Magnetic Storage

ปัจจุบันอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแม่เหล็กเป็นหนึ่งในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทั่วไปที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีนี้พบได้ใน HDD ขนาดใหญ่มากหรือฮาร์ดไดรฟ์ไฮบริด ตัวอย่างที่นิยมมีดังนี้

Floppy diskette – ดิสก์ขนาด 3 นิ้วปกติสามารถจัดเก็บข้อมูลได้ 1.44 MB

Hard drive – Internal hard drive เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหลักในคอมพิวเตอร์ External hard drive ใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูลแบบพกพาและการสำรองข้อมูล

Magnetic strip – เทปไดรฟ์แม่เหล็กเก็บวิดีโอและเสียงโดยใช้เทปแม่เหล็กเช่นเทปและเครื่องบันทึกเทปวิดีโอ

Super disk – ดิสก์ไดรฟ์และดิสเก็ตต์ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ 120 MB และ 240 MB

Cassette tape = อุปกรณ์จัดเก็บแม่เหล็กที่ใช้สำหรับการบันทึกและเล่นเสียง

Zip diskette – เหมือนฟล็อปปี้ดิสก์ แต่ดีกว่า

ข้อดี

HDD ความจุมากกว่า SSD เมื่อเทียบกับราคา

มีรูปแบบการใช้งานของฮาร์ดดิสก์มีหลากหลายกว่า ทั้งแบบการบันทึกข้อมูลเพียงอย่างเดียว หรือการประมวลผลและการบันทึกข้อมูลตลอดเวลา หรืองานเฉพาะทาง เช่น ใช้กับการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด

เมื่อตัว HDD เสียหาย ยังพอจะสามารถกู้ข้อมูลได้ (แม้จะมีราคาสูง)

ข้อเสีย

 การอ่านและเขียนข้อมูลช้ากว่า SSD

มีเสียงรบกวนขณะฮาร์ดดิสก์ทำงาน ในช่วงการเขียนและอ่านข้อมูล

เกิดการเสื่อมสภาพจากการเขียนและอ่านของหัวเข็ม ตามกาลเวลา

เกิดความเสียหายของแผ่นจานเหล็กและหัวเข็ม เมื่อได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้

การเลือกใช้งาน

ปัจจุบันการใช้งานแบบ Magnetic storage devices ที่นิยมใช้หลือเพียง HDD เท่านั้น เหมาะกับการเก็บไฟล์ที่ใช้ความจุสูงและต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ได้เน้นความไวของการอ่านเขียนข้อมูล และการใช้งานระบบกล้องวงจรปิด

Optical Disc

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลทั่วไปอีกประเภทหนึ่งคือที่เก็บข้อมูลแบบออปติคัลซึ่งใช้เลเซอร์และไฟเป็นวิธีการอ่านและเขียนข้อมูล

Bli-ray disc – อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบออปติคอลดิจิทัลซึ่งมีไว้เพื่อแทนที่รูปแบบดีวีดี

CD-ROM disc – อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลออปติคัลที่อ่านอย่างเดียวหรือไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้

CD-R and CD-RW disc –เป็นแผ่นบันทึกที่สามารถเขียนได้ครั้งเดียวในขณะที่ CD-RW เป็นแผ่นดิสก์แบบเขียนซ้ำได้ซึ่งสามารถเขียนได้หลายครั้ง

DVD disc – เป็นแผ่นบันทึกที่สามารถเขียนได้ครั้งเดียวหรือแบบเขียนซ้ำได้ซึ่งสามารถเขียนได้หลายครั้ง. ความแตกต่างอยู่ที่การจัดรูปแบบและความเข้ากันได้

ข้อดี

ราคาถูก

ง่ายต่อการผลิตจำนวนมาก

เคลื่อนย้ายได้สะดวก

ข้อเสีย

ไม่เหมาะสําหรับใช้ในการเก็บข้อมูลทางคอมพิวเตอร์เพราะเวลาจะ ลบข้อมูลต้องลบข้อมูลทั้งแผ่น

มีการเสื่อมสภาพเมื่อมีการใช้งานจึงไม่ควรใช้เป็น ฺBack up

การเลือกใช้งาน

เหมาะกับคนทั่วไปเนื่องจากแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นทำให้ไม่เหมาะกับการเก็บรักษาแบบถาวร เคลื่อนย้ายได้ง่าย ง่ายต่อการผลิตจำนวนมาก และราคาถูก

Flash Memory Devices

หน่วยความจำแฟลชได้เข้ามาแทนที่สื่อแม่เหล็กและออปติคัลส่วนใหญ่เนื่องจากราคาถูกลงเนื่องจากเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้มากกว่า

Memory card – อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลและมักใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่

Memory stick – การ์ดหน่วยความจำที่ถอดออกได้

SSD –อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชที่ใช้ชุดวงจรรวมเพื่อบันทึกข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

USB flash drive – อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาขนาดเล็กที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB

ข้อดี

สามารถเขียนและอ่านได้เร็วยิ่งกว่า HDD หลายเท่าตัว

มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ให้เลือกใช้งาน

เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน เพราะ SSD เป็นแผ่นบอร์ดที่มีชิปบันทึกข้อมูล

สามารถเข้าถึงเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็วและทันทีไม่มีอาการหน่วง

ข้อเสีย

ราคาสูงกว่า HDD แต่ปัจจุบันราคาเริ่มลดลง

ไม่สามารถกู้คืนข้อมูลได้ เมื่อ SSD เสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่ง HDD ยังสามารถกู้ได้

การเลือกใช้งาน

เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล การใช้งานโปรแกรมต่างๆ ปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมอย่างสูงเนื่องจากมีควมเร็วและราคาเริ่มถูกลง ทำให้หาซื้อได้ง่าย มีขนาดเล็กง่ายต่อการพกพาและมีเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

Online And Cloud

การจัดเก็บข้อมูลออนไลน์และในที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์กำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากผู้คนต้องการเข้าถึงข้อมูลจากอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่อง

Cloud storage – ข้อมูลได้รับการจัดการจากระยะไกลและพร้อมใช้งานผ่านเครือข่าย คุณสมบัติพื้นฐานใช้งานได้ฟรี แต่เวอร์ชันอัปเกรดจะจ่ายเป็นรายเดือนตามอัตราการบริโภค

Network media – เสียง, วิดีโอ, รูปภาพหรือข้อความที่ใช้บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ชุมชนของผู้คนสร้างและใช้เนื้อหาที่แชร์ผ่านอินเทอร์เน็ต

ข้อดี

ลดต้นทุนค่าดูแลเรื่องทรัพยากรและการบำรุงรักษา

ลดความเสี่ยงจากการเริ่มต้นหรือทดลองโครงการ

สามารถสร้างระบบใหม่ขึ้นมาใช้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

มีความยืดหยุ่นในการเพิ่มลดระบบตามความต้องการ

ได้เครื่องแม่ข่ายที่มีประสิทธิภาพ มีระบบสำรองข้อมูลที่ดี มีเครือข่ายความเร็วสูง

มีผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลระบบ

สามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา

ข้อเสีย

แบนด์วิดธ์จะขึ้นอยู่กับขนาดดาต้าเซ็นเตอร์ของคุณและข้อจำกัดจากผู้ให้บริการคลางด์บางรายอาจจะเป็นปัญหาในแง่ของเวลาที่ต้องใช้ในการสำรองหรือกู้คืนข้อมูลจำเป็นต้องใช้แบนด์วิดธ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการโหลดข้อมูลเริ่มต้น

แน่นอนว่ามีความเสี่ยงในการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทคุณ ผู้ให้บริการคลาวด์ส่วนใหญ่มีการควบคุมอย่างมีนัยสำคัญในสถานที่ซึ่งอาจจะใหญ่กว่าที่คุณทำในดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรของคุณ

สามารถเปลี่ยนไปใช้ผู้ให้บริการรายใหม่ได้ แต่จะมีความซับซ้อนในระดับหนึ่ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ipc.riverplus.com