ภาครัฐ เตรียมงบกว่า 4.5
หมื่นล้านบาท ช่วยลดผลกระทบวิกฤตพลังงานให้ประชาชนต่อไปอีก 3
เดือน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำทีมเศรษฐกิจ การคลัง พลังงาน
และแรงงาน แถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน
– รัสเซีย นอกจากความรุนแรงของผลกระทบโควิด-19 แล้ว
วิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ยังเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง
ที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
จนถึงปัจจุบันวิกฤตโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย
ในเวลาเดียวกันได้เกิดวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนขึ้น
ส่งผลกระทบกับราคาพลังงาน ถือเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ
ได้ออกมาตรการทั้งด้านการเงินการคลัง ช่วยเหลือประชาชน ผ่านการดูแลของ 3 หน่วยงานที่ดูแลเศรษฐกิจมหภาค ทั้งธนาคารแห่งประเทศ
สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงฐานะการคลังของรัฐบาลในช่วง 5
เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 ว่า
รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้นจำนวน 901,414 ล้านบาท
ขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 1,429,194 ล้านบาท
โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 394,465 ล้านบาท
ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น
418,588 ล้านบาท
ส่วนความกังวลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.
ธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีการประชุมอีกครั้งปลายเดือนมีนาคมนี้
สำหรับสภาพคล่องด้านเสถียรภาพทางการเงินของภาคเอกชน
และธนาคารพาณิชย์ ปัจจุบันยังคงมีสภาพคล่อง แม้งบประมาณปี 2565
ประเทศไทยขาดดุลประมาณ 700,000 ล้านบาท
นายสุชาติ ชมกลิ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
กล่าวถึงมาตรการของกระทรวงแรงงานที่ได้ลดเงินสมทบทั้งในส่วนนายจ้างและผู้ประกันตนทุกมาตรา
เป็นเวลา 3 เดือน เกิดประโยชน์กับประชาชน 24.2
ล้านคน เม็ดเงินมูลค่า 34,540 ล้านบาท
ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ 103,620 ล้านบาท
สำหรับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
อยู่ในขั้นตอนดำเนินการสำรวจและประมวลผลค่าใช้จ่าย ซึ่งจะพิจารณาในเดือนสิงหาคม
-กันยายน 2565
นอกจากนี้ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโควิด-19
และดูแลผู้ใช้แรงงาน ได้จัดทำโครงการ factory sandbox และจัดหา hospitel ดูแลรักษาผู้ป่วย
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนว่ากระทรวงพลังงาน
ได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง รวมระยะเวลา 2
ปี ใช้งบประมาณที่ภาครัฐช่วยเหลือด้านพลังงานไปแล้ว 164,228 ล้านบาท ทั้งการคืนเงินประกันผู้ใช้ไฟฟ้า การตรึงราคา ก๊าซ LPG และ NGV การบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าเอฟที
สำหรับมาตรการที่ประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือหลังจากนี้
เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน 2565 ประกอบด้วย
-มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันดีเซล
-มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ก๊าซหุ้งต้ม
-กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 บาทต่อหน่วยต่อเดือน
จะได้รับส่วนลดค่าเอฟที เท่ากับค่าไฟฟ้างวดเดือนมกราคม –เมษายน 2565 ที่เรียกเก็บ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย รวม 3.78 บาทต่อหน่วย จากที่ปรับขึ้นเป็น 4 บาทต่อหน่วย
รวมงบประมาณที่ภาครัฐช่วยเหลือ 43,000 - 45,000 ล้านบาท
รวมตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่า 200,000 ล้านบาท
และจะมีการพิจารณามาตรการช่วยเหลือหลังสิ้นสุดมาตรการระยะเวลา 3 เดือน จึงขอความร่วมมือประชาชนรวมพลังรวมแรงใจลดการใช้พลังงาน