2. ยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้น ง่าย ๆ
แค่ยอมรับว่ากำลังโกรธ ไม่คิดหาสิ่งอื่นมารองรับความโกรธของตัวเรา
เพราะยิ่งโทษสิ่งแวดล้อม หรือโทษบุคคลอื่น ก็ไม่ช่วยให้ความโกรธลดลง ทำใจให้นิ่ง
แล้วแยกแยะให้ได้ถึงสาเหตุของความโกรธ
เพื่อเตรียมตัวเองไปสู่การรับมือแก้ปัญหาในลำดับถัดไป
3. cool down หายใจเข้าออกลึก ๆ หลายครั้งที่เวลาโกรธ
เรามักหลุดปากสวนคำพูดอะไรบางอย่างออกมาโดยไม่ได้คิด ให้หยุดตัวเองไว้ก่อน
ผ่อนคลาย หายใจเข้าออกลึก ๆ นับ 1-10 ซื้อเวลา
พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น และห้ามตัวเองไม่ให้พูดอะไรที่อาจทำให้รู้สึกเสียใจภายหลัง
4. ช้า ๆ อย่าใจร้อน เมื่อปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
อารมณ์โกรธก็จะเข้ามาควบคุมการกระทำทุกอย่าง เกิดอาการหุนหันพลันแล่น
ทำอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิด จนเหตุการณ์อาจลุกลามรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น
เมื่อรู้ตัวว่าโกรธ ให้ลองทำอะไรให้ช้าลง เดินช้าลง พูดช้าลง
กลั่นกรองทุกคำจากสมอง หากตรองดูแล้วว่าพูดไปไม่เกิดผลดีกับใคร ให้หยุดคำพูดนั้นซะ
5. ค่อย ๆ พูด โดยใช้ประโยคที่สุภาพ ตั้งสติได้แล้ว
ให้พูดคุยกับคู่สนทนาด้วยเหตุและผล บอกว่าตัวเราคิดอย่างไร ด้วยประโยค
“ดิฉัน/ผมคิดว่า…” หรือ “ดิฉัน/ผมอยากเสนอว่า…”
6. เอาใจเขามาใส่ใจเรา คนที่กำลังโกรธมักนึกถึงแต่ตัวเอง
โดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น นอกจากไม่สนใจคู่กรณีว่าเขามีเหตุผลใดในความขัดแย้งนี้แล้ว
ยังลืมนึกถึงคนรอบข้างที่จะได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจจากการเหวี่ยงวีนของเรา
อย่าหาข้ออ้างในการแสดงความโกรธ หยุดโทษผู้อื่น
เมื่อรู้ตัวว่าเรากำลังแสดงอารมณ์โกรธในที่ทำงาน
ให้ตระหนักว่านั่นเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก ต้องลด ละ เลิก เบรกตัวเองไว้บ้าง
เพื่อบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
7. ปลีกตัวออกจากสถานการณ์นั้น หากรู้สึกทนไม่ไหวจริง
ๆ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ให้ตัดบทขอตัวคู่สนทนา ว่าขอคุยเรื่องนี้เพียงเท่านี้ก่อน
พาตัวเองออกจากสถานการณ์ตึงเครียดนั้น เพราะการออกจากห้องสี่เหลี่ยมจะช่วยให้ตัวเราได้ผ่อนคลายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
ช่วยลดความเครียด ทำใจให้เย็นลง ก่อนกลับมาเผชิญกับปัญหาด้วยอารมณ์ที่นิ่งขึ้น
8. ปรับเปลี่ยนมุมมองความคิด แทนที่จะยึดติดอยู่กับอารมณ์โกรธ
ให้หาทางออกด้วยการคิดแบบใดก็ได้ที่ทำให้ความโกรธลดน้อยลง หรือคิดข้าม shot
ไปสู่การแก้ปัญหาจากความขัดแย้ง หลาย ๆ ครั้ง
ในมุมไม่ดีก็ยังมีสิ่งดีซ่อนอยู่ ความขัดแย้งบางครั้งก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
การสร้างสรรค์ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เช่นกัน
9. รู้อภัย มองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัว หากเราทำใจให้อภัยได้ก็อาจทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
ส่งผลให้ปัญหาที่เกิดขึ้นจะได้รับการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว จากการที่เราปล่อยผ่าน
แก้ไข แล้วจบ จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นในชีวิต
10. เพิ่มพลังด้านบวก หากวันนั้นเป็น bad
day ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องเติมเต็มกำลังใจให้ตัวเอง
ด้วยการพูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือคนสำคัญในชีวิต
ช่วยสร้างกำลังใจได้เมื่อต้องพบเจอกันสถานการณ์ที่ยากลำบากในการทำงาน
เป็นการใช้พลังด้านบวกมาเอาชนะพลังด้านลบในตัวนั่นเอง
11. ทำใจให้นิ่ง ฝึกตัวเองให้เป็นคนอดทน
ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มีสติทุกครั้ง จิตใจมั่นคง เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ
ในชีวิตประจำวัน เช่น ไม่หงุดหงิดตอนรถติด ไม่หัวเสียกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ
หรือจะลองติดข้อความเตือนใจไม่ให้เป็นคนหัวร้อนไว้ตามที่ต่าง ๆ รอบตัว เช่น
โต๊ะทำงาน หน้าจอคอมพิวเตอร์ บนกระจกแต่งตัว ฯลฯ ก็ช่วยเรียกสติให้กลายเป็นคนใจเย็นลงได้ไม่น้อย
ความโกรธก็เป็นแค่อารมณ์หนึ่งในชีวิตที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนเป็นปกติธรรมดา
แต่เมื่อเกิดอารมณ์โกรธแล้ว ต้องมีสติ รู้เท่าทัน รับมือจัดการอย่างชาญฉลาด
อย่าปล่อยให้อารมณ์พาเราไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้าย ใส่ใจผู้อื่นให้มากขึ้น
เพื่อลดอารมณ์ด้านลบในตัวเรา อย่าลืมว่าบรรยากาศดี ๆ ในที่ทำงาน
เราช่วยกันสร้างได้ จะได้ทำงานอย่างมีความสุขและสนุกกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ให้ชีวิตการทำงานของเราดีขึ้นกว่าเดิม