อาการขี้หลงขี้ลืมอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
แต่ถ้าการหลงลืมมีบ่อยจนส่งผลกระทบต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน
และเราไม่รีบแก้ไข
อาการที่เราคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนก็เป็นอาจส่งผลเสียกับเราทั้งในเรื่องของการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันได้ในอนาคต
จึงมีคำแนะนำง่าย ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนนิสัยขี้ลืมให้ความจำของคุณกลับมาดีขึ้น
1. การออกกำลังกายช่วยเรื่องการทำงานของสมอง
การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง
แต่ยังช่วยเรื่องการทำงานของสมองด้วย
เพราะการไม่ออกกำลังกายจะทำให้เกิดคราบไขมันและหินปูน (Plaque) ในเส้นเลือดและหลอดเลือด
ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการสูบฉีดเลือดลดลง
นอกจากจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการหัวใจวายแล้ว ยังทำให้ปริมาณออกซิเจนและสารอาหารที่เลือดนำไปเลี้ยงสมองลดลงอีกด้วย
เมื่อสารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองลดลง
ดังนั้นการออกกำลังกายเป็นประจำจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ
2. อย่าเครียด
เพราะมันส่งผลเสียต่อการจดจำ
ความโกรธหรือความกังวลเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความเครียด
ส่งผลเสียต่อสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจดจำ
ในบรรดาสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดทั้งหมด
อาการซึมเศร้าเป็นสิ่งที่ทำร้ายสมองได้มากที่สุด
เมื่อเรามีอาการซึมเศร้าจะทำให้สาร Cortisol หลั่งออกมามากขึ้น
ซึ่งหากมีสารนี้อยู่บริเวณสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำระยะสั้นเป็นจำนวนมาก
ก็อาจทำลายความสามารถในการจดจำสิ่งใหม่ ๆ ได้ ดังนั้นหากรู้สึกว่ามีอารมณ์ซึมเศร้า
หรือเครียดก็ควรจะรีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
3. นอนหลับให้ได้
7 – 8 ชั่วโมง
การนอนหลับ
7
– 8 ชั่วโมงจะช่วยให้ความจำดีขึ้น เพราะระหว่างที่เราหลับ
สมองจะซึมซับเอาเหตุการณ์หรือข้อมูลใหม่ ๆ ที่เพิ่งได้รับมา
แล้วเก็บบันทึกไว้เป็นความจำระยะสั้น และพัฒนาต่อไปเป็นความจำระยะยาว
ดังนั้นหากเราพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนหลับไม่สนิท ก็จะทำให้สมองทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
และการงีบระหว่างวัน โดยเฉพาะหลังจากได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
ก็เป็นการช่วยเรื่องการจดจำได้เช่นกัน
4. จดบันทึก
และบอกเล่าเรื่องราวหรือสิ่งที่เรียนรู้มาเป็นประจำ
การจดบันทึกที่เจอเป็นประจำ
หรืออ่านหนังสือแบบออกเสียงจะช่วยให้คุณพัฒนาความสามารถในการจดจำ
รวมไปถึงการอธิบายหรือเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้คนอื่นฟังก็ช่วยได้
เพราะจากการศึกษาพบว่าเมื่อมีการให้นักเรียนสอนหรืออธิบายความรู้ต่าง ๆ
ให้กับนักเรียนคนอื่นฟัง จะเป็นการดึงเอาความทรงจำในเรื่องนั้น ๆ
ที่มีอยู่กลับมาใช้อีกรอบ ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น และสามารถจดจำได้ดีขึ้น
5.
กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง
น้ำหนักของสมองกว่า
50
- 60 % คือไขมัน ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากต่อเซลล์สมอง
การกินอาหารที่มีไขมันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาความทรงจำระยะยาว
อย่างไรก็ตามเราควรหลีกเลี่ยงของทอดต่าง ๆ
เพราะถึงแม้จะมีไขมันแต่เป็นไขมันชนิดที่ไม่มีประโยชน์ต่อทั้งร่างกายและสมอง
เราจึงควรเลือกไขมันที่ได้จากผักใบเขียว หรือปลาต่าง ๆ เช่น แซลมอน แอนโชวี่
และแม็กเคอเรลแทน
6. จดจำเป็นรูปภาพ
ในการจดจำสิ่งต่าง
ๆ หลายคนมีวิธีจดจำข้อมูลด้วยการจำแบบเป็นภาพ ซึ่งการให้ความสนใจและจดจำรูปภาพ
หรือกราฟ ที่ประกอบอยู่ในหนังสือ
หรือการจินตนาการสิ่งที่เรากำลังจดจำให้ออกมาในรูปแบบของภาพ
รวมไปถึงการใช้ปากกาสีต่าง ๆ ไฮไลท์ส่วนที่สำคัญเอาไว้ ก็จะช่วยให้เราจดจำข้อความเหล่านั้นได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
7. ทำกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสมองและความจำ
การทำกิจกรรมที่ช่วยให้เราได้ฝึกสมองอยู่เป็นประจำ
เช่น การอ่านหนังสือ หรือเล่นเกมฝึกสมองต่าง ๆ
นอกจากจะช่วยให้สมองได้ทำงานอยู่ตลอดเวลาแล้ว
ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเรื่องความจำหรือโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
รวมไปถึงการฟังเพลงก็ช่วยได้เช่นกัน
เพราะดนตรีสามารถดึงเอาความทรงจำต่าง ๆ กลับมา
จากงานวิจัยพบว่าดนตรีเป็นตัวช่วยอย่างดีในการเรียกความทรงจำ ข้อมูลต่าง ๆ
ที่เราได้เรียนรู้ขณะฟังเพลง มักจะถูกเรียกกลับคืนมาเมื่อเราได้ฟัง หรือนึกถึงเพลงนั้นในครั้งต่อ
ๆ ไป