รัฐบาล เร่งขับเคลื่อน
"พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค"
เน้นพัฒนาศักยภาพแต่ละพื้นที่ สู่การพัฒนาประเทศไทยให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
(กพศ.) ครั้งที่ 1/65 ณ ทำเนียบรัฐบาล
การขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง
4
ภาค (เหนือ อีสาน กลาง-ตะวันตก และใต้) เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ที่จะทำให้ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตพร้อมเพรียงกันทุกภาค
นอกจากนี้
จะส่งเสริมให้เกิดวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ให้ได้ตามศักยภาพที่แต่ละพื้นที่มีอยู่
โดยการพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม
และมีการดูแลเรื่องที่พักที่ปลอดภัยให้กับแรงงาน
เพื่อให้คนกลับไปทำงานในพื้นที่มากขึ้น
มติที่ประชุม สรุปได้ดังนี้
เห็นชอบการประกาศพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษทั้ง
4
ภาค และให้นำเรื่องการกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แบ่งเป็น
-
จ.เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง
เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ
-
จ.ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี และหนองคาย เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
-
จ.พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี และหาญจนบุรี
เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง - ตะวันตก
-
จ.ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
เป็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
เห็นชอบการขยายระยะเวลาสิทธิประโยชน์การยกเว้นค่าเช่าที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากหนองคาย
มุกดาหาร นครพนม และกาญจนบุรี ให้สิ้นสุดภายในปี 2566
เห็นชอบการปรับปรุงแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
ประกอบด้วย โครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR –
Map) จำนวน 10 เส้นทาง มีระยะทางรวม 6,530
กิโลเมตร
เห็นชอบแผนการตลาดและประชาสัมพันธ์เขตเศรษฐกิจพิเศษ
โดยมุ่งเน้นการตลาด การประชาสัมพันธ์ และ Roadshow เพื่อสร้างโอกาสของประเทศไทยในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ
สำหรับ การพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง ปัจจุบันมีการลงทุนของภาคเอกชนแล้วประมาณ 36,882 ล้านบาท และยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในกิจการถุงมือยางและการผลิตไฟฟ้าจากขยะ
และภาครัฐได้การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรซึ่งมีความก้าวหน้ากว่าร้อยละ
89