โซฟาเลือกซื้อโซฟาอย่างไร
ให้เหมาะสมใช้งานอย่างยาวนาน การเลือกโซฟามาใช้งาน
จำเป็นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลัก 4 ส่วนด้วยกัน ดังนี้
1. ลักษณะการใช้งาน: เนื่องด้วยปัจจุบันโซฟามีให้เลือกหลายประเภท
แต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่เหมาะสม เช่น โซฟาแบบ Sectional ออกแบบมาเพื่อการใช้งานอเนกประสงค์ รับแขกก็ได้ นั่งพักผ่อนดูทีวีก็สบาย
มีขนาดใหญ่รองรับการใช้งานพร้อมกันได้หลายคน
แต่ด้วยลักษณะการออกแบบที่มุ่งเน้นให้อารมณ์พักผ่อน จึงอาจไม่เหมาะกับมุมรับแขกที่เป็นทางการ
เพราะจะส่งผลให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกเกรงใจ ไม่เป็นส่วนตัวนัก รวมทั้งขนาดของโซฟา Sectional
ปกติจะมีขนาดใหญ่มาก จึงไม่เหมาะสมกับห้องขนาดเล็ก
การเลือกโซฟาจึงจำเป็นต้องดูลักษณะการใช้งานก่อนและพื้นที่จัดวางก่อน
เพื่อที่จะได้โซฟาตามรูปทรงที่เหมาะกับการใช้งานและตำแหน่งในการจัดวางครับ
2. ขนาด: คงไม่ดีแน่หากสั่งซื้อโซฟามาแล้ว
ไม่สามารถจัดวางลงตำแหน่งที่ต้องการได้ ก่อนจะเลือกซื้อโซฟา
ผู้อ่านจำเป็นต้องวัดขนาดพื้นที่จัดวาง
รวมทั้งเผื่อพื้นที่รอบข้างสำหรับเป็นทางเดิน พื้นที่เปิดประตู และพื้นที่วางสิ่งของอื่น
ๆ วิธีการที่ดีที่สุด คือการวาดแปลนภายในห้องลงกระดาษร่าง
เพื่อที่จะได้มองเห็นแผนผังภายในห้องทั้งหมด หรือหากผู้อ่านท่านใดไม่อยากวาด
ปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นมากมาย รองรับการใช้งานทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ
ระยะห่างที่ควรคำนึง
-
พื้นที่ระหว่างประตู ควรเว้นห่างประมาณ 1 – 1.5 เมตร
-
พื้นที่ทางเดิน ควรเว้นห่างประมาณ 1.5 – 2 เมตร
-
ตำแหน่งที่จัดวาง ไม่ควรให้ตรงหน้าต่างมากเกินไป
เพราะจะทำให้โซฟาเสื่อมสภาพเร็ว แต่ยังคงให้มีแสงสว่างเข้าถึง
กรณีที่นำโซฟามาใช้ร่วมกับมุมดูทีวี
ควรกำหนดระยะห่างให้มีความสัมพันธ์กับขนาดของทีวี ดังภาพประกอบต่อไปนี้
3. Sofa Style: ประเภทของโซฟา
บ่งบอกได้ถึงสไตล์ของบ้าน และลักษณะการใช้งาน
โซฟาแต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน
ห้องของเราจะเหมาะกับโซฟาประเภทไหนบ้าง มาทำความรู้จักกันครับ
-
Tuxedo :
ลักษณะโซฟาที่ให้ความรู้สึก เรียบเท่ อย่างคลาสสิค
เหมาะกับการจัดวางไว้ห้องรับแขก หรือมุมนั่งเล่นของบ้านสไตล์โมเดิร์น ทรอปิคอล
คลาสสิค เรโทร เป็นต้น
-
Camelback :
รูปทรงโซฟาคลาสสิค ให้ความรู้สึกโดดเด่นเป็นพิเศษ หากจัดวางเป็นเซ็ท นิยมให้ตัวดังกล่าวเป็นตัวหลัก
เหมาะกับการตกแต่งร่วมกับบ้านสไตล์ Vintage , Cottage , Classic หรืออาจนำมาจัดวางเดี่ยว ในมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน
-
Loveseat :
โซฟาที่ออกแบบมาเพื่องานสวีทโดยเฉพาะ
ขนาดของโซฟาออกแบบมาให้นั่งใกล้ชิดกัน 2 คน
จึงเหมาะกับคู่รัก อาจใช้สำหรับห้องที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง เช่น ห้องดูทีวี
ห้องนั่งเล่นส่วนตัว เป็นต้น
-
Longue :
โซฟาอิงเอน โดยปกติด้านใดด้านหนึ่งจะมีพนักพิง
เหมาะกับการใช้นอนอ่านหนังสือ นอนพักผ่อนช่วงกลางวัน นิยมใช้ผ้ากำมะหยี่มาหุ้ม
เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้เหมาะกับรูปทรงที่ดูเซ็กซี่
โดยปกติจะเป็นที่นิยมของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
เหมาะกับการตกแต่งร่วมกับบ้านทุกสไตล์
-
Sectional :
โซฟาอเนกประสงค์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
เหมาะกับการจัดวางร่วมกับห้องนั่งเล่น ดูทีวี ห้องอ่านหนังสือ
รูปทรงของโซฟามีให้เลือกหลายแบบ เช่น โซฟารูปทรงตัว L เหมาะกับการจัดวางเข้ามุม รูปทรงตัว U เหมาะกับการวางไว้ชิดผนัง รูปทรงกลม เหมาะกับการจัดวางไว้กลางห้อง หรืออาจจัดวางแยกส่วน
ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและขนาดของห้องนั้น ๆ
-
Chesterfield :
การออกแบบรูปทรงโค้งมน
กับลวดลายของหมุดกระดุมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโซฟาสไตล์ดังกล่าว
โดยส่วนมากนิยมหุ้มด้วยวัสดุหนัง เหมาะกับการตกแต่งร่วมกับบ้านสไคล์คลาสสิค
คันทรี่ หรือจะนำมา Mix and Match กับสไตล์อื่น ๆ
ก็ดูเก๋ไม่น้อยเลย
-
โซฟาเบด : โซฟาที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชั่น
เป็นได้ทั้งโซฟาและเตียงนอน เหมาะกับการจัดวางไว้ในห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น
ห้องอ่านหนังสือ หรือมุมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม โดยตัวโซฟาสามารถปรับระดับพนักพิงได้
ปรับขึ้นเมื่อต้องการใช้เป็นโซฟาและปรับลงไปทางด้านหลังเพื่อใช้เป็นที่นอน
หลังจากปรับลงพนักพิงจะระนาบไปกับเบาะนั่งสามารถนอนได้ ซึ่งจะเหมาะกับห้องเล็ก ๆ
ที่ต้องการประหยัดพื้นที่อีกด้วยครับ
4. วัสดุหุ้มโซฟา:
โซฟาที่ดีมีคุณภาพ จำเป็นต้องใช้วัสดุที่ดีมาผลิต
หากเป็นโครงสร้างภายใน โซฟาเกรด A นิยมใช้ไม้เนื้อแข็งที่ผ่านการทาน้ำยากันปลวกแล้ว
รองลงมาเป็นไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ยางพาราหรืออาจใช้วัสดุเหล็กมาทดแทนไม้ได้เช่นกัน
ในส่วนโครงสร้างภายในนั้น
ผู้ซื้ออาจตรวจดูได้ยากโดยปกติจึงนิยมเลือกเพียงวัสดุหุ้มภายนอก
ซึ่งจะแยกได้หลากหลายวัสดุ ดังนี้
หนังสัตว์ :
โซฟาหนังแท้ ให้ผิวสัมผัสที่นิ่มสบาย ยิ่งเก่ายิ่งนิ่ม
คุณสมบัติของหนังสัตว์ ให้ความทนทาน ระบายอากาศได้ดี ส่งผลให้ผู้ใช้งานนั่งสบาย
ไม่ร้อน ดูแลรักษาได้ง่าย มีทั้งแบบฟอกสีและไม่ฟอกสี
โดยปกติโซฟาหนังแท้จะมีราคาสูงกว่าหนังเทียมประมาณ 30%
หนังเทียม :
โซฟาหนังเทียมผลิตจาก PVC หรือเส้นใยสังเคราะห์
มีจุดเด่นที่สามารถสร้างลวดลายและสีสันได้หลากหลาย ราคาถูกกว่าหนังแท้
เหมาะกับการใช้งานในบ้านที่มีเด็กเล็ก หรือพื้นที่ที่ง่ายต่อการสกปรก ด้านความคงทน
หนังเทียมทนน้อยกว่าหนังแท้
ผ้า :
วัสดุที่ให้ผิวสัมผัสอ่อนนุ่ม มีสีสันลวดลายให้เลือกมากกว่าหนัง
ปัจจุบันผ้ามีให้เลือกหลายชนิด ทั้งแบบใยธรรมชาติและใยสังเคราะห์
โดยรวมแล้วหากเป็นใยธรรมชาติ จะช่วยระบายความร้อนได้ดี ทนทาน
แต่มีข้อเสียด้านการหดตัว กักเก็บฝุ่น ผู้ใช้จำเป็นต้องดูดฝุ่นหรือซักแห้งอยู่เสมอ
ผ้าใยธรรมชาติที่นิยมใช้กัน เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์
ผ้าใยสังเคราะห์ แม้จะให้ผิวสัมผัสที่ไม่อ่อนนุ่มเท่าผ้าใยธรรมชาติ
แต่ก็ช่วยแก้ปัญหาข้อเสียต่าง ๆ ออกไป โดยจะให้ความคงทน คงตัวได้ดี ไม่ยับง่าย
มีสีสันให้เลือกเยอะกว่าผ้าใยธรรมชาติ การดูแลรักษาจะง่ายกว่า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.www.banidea.com