อาหารเป็นพิษจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน
อุณหภูมิสูง ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี
ซึ่งหากเรารับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียก็จะทำให้เกิดอาการถ่ายเหลว
ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาจมีไข้ รวมไปถึงอาการลำไส้อักเสบในบางรายได้
และอาจมีอาการปวดเมื่อยร่างกายร่วมด้วย
ในช่วงฤดูร้อนจึงควรระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหาร
โดยเฉพาะอาหารที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษเช่น
อาหารทะเลปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ หรือไม่ผ่านการปรุงให้สุก อาหารที่มีการบีบมะนาว
สีของเนื้อสัตว์ที่เปลี่ยนไปเพราะน้ำมะนาว ไม่ได้แปลว่าอาหารนั้นสุกจริง
อาหารประเภทปรุงเสร็จแล้ว แต่ไม่ผ่านความร้อนก่อนบริโภค เช่น ยำ ส้มตำ สลัด
ต้องเลือกที่สดใหม่และสะอาด อาหารที่กินไม่หมด
หากต้องการเก็บไว้รับประทานในมื้อต่อไป ควรเก็บในตู้เย็น
เมื่อจะรับประทานต้องอุ่นให้ร้อนจัดเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อ
อาหารหรือขนมค้างคืนที่ผสมกะทิ เป็นต้น
อาการโดยทั่วไป หากไม่รุนแรงมักจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน
บางชนิดอาจนานถึงสัปดาห์ สำหรับการดูแลตนเองเมื่อเกิดอาหารเป็นพิษ
หากมีอาการท้องเดินทั่ว ๆ ไป
ให้ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่
ไม่ควรกินยาเพื่อให้หยุดถ่ายอุจจาระ
เพราะการขับถ่ายคือกลไกธรรมชาติของร่างกายในการขับของเสีย
ถ้าท้องเสียหรืออาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือมีอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก
หมดสติ หรือสงสัยว่าอาจเกิดจากสารพิษอื่น ๆ และอาการไม่ทุเลาภายใน 2 วัน
ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุจากโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ
ที่จำเป็นต้องให้การรักษาด้วยยาต่าง ๆ เพิ่มเติมโดยการป้องกันการเกิดอาหารเป็นพิษ
มีข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวในช่วงฤดูร้อน ดังนี้
1. ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารหลังการขับถ่าย และหลังกิจกรรม
2. ดื่มน้ำสะอาด
3. กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่
4. ผักสดและผลไม้ควรล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน
5. เนื้อสด ไม่ควรทิ้งไว้นอกตู้เย็นนาน ๆ
เพราะอุณหภูมิที่ร้อนจะทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ
และดูแลตนเองด้วยการปฏิบัติตามข้อแนะนำดังกล่าว
ก็จะช่วยลดปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.healthydee.moph.go.th/