4 แนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562-2570)
ตั้งเป้าส่งออกอาหารแปรรูปของไทยช่วงครึ่งแรกของปี
2565
มีมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท
ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 และลุ้นปี 2565 ทะลุ New High 1.3 ล้านล้านบาท
พร้อมพลิกวิกฤตเป็นโอกาสรับมือสถานการณ์ความมั่นคงด้านอาหารโลก ก้าวสู่ 1 ใน 10 ประเทศผู้ส่งออก ผ่าน 4 มาตรการ
เพื่อเร่งสร้างโอกาสสู่การขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต
เมื่อวันที่ 7
มิถุนายน 2565 คณะรัฐมนตรี
มีมติรับทราบความคืบหน้าและแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562-2570) ที่กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานหลักได้รับมอบหมายให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกอาหารแปรรูปของไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 จะมีมูลค่าประมาณ 600,000 ล้านบาท
ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 ส่วนภาพรวมปี 2565 คาดจะถึงจุดสูงสุดเดิมและมีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการรับมือกับสถานการณ์ความมั่นคงด้านอาหารโลก
และก้าวสู่ 1 ใน 10 ประเทศผู้ส่งออก
ผ่านการขับเคลื่อน 4 มาตรการหลักตามแผนปฏิบัติการ
เพื่อเร่งสร้างโอกาสสู่การขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต โดยมีความก้าวหน้า ดังนี้
มาตรการที่ 1
การสร้างนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่ (Food Warriors) ผ่าน 4 หน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรม
(สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
และสถาบันอาหาร) ในการพัฒนายกระดับผู้ประกอบการ สถานประกอบการและวิสาหกิจชุมชน
ผ่านการอบรมและให้คำปรึกษาด้านการเพิ่มผลิตภาพ
พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานสากลและมาตรฐานฮาลาล (HALAL) ถ่ายทอดความรู้เชิงธุรกิจและการนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต
เช่น การยกระดับศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่สากล
การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีดิจิตัล
รวมทั้งสิ้น 3,218 ราย (4,836 คน)
พัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูปให้มีมูลค่าเพิ่มสูงกว่า 390 ผลิตภัณฑ์
มาตรการที่ 2
การสร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต
มีการเชื่อมโยงกลไกและให้บริการด้านการวิจัยและพัฒนาผ่านเครือข่ายเมืองนวัตกรรมอาหาร
(Food Innopolis) ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย โดยมีผู้ประกอบการได้รับการเสริมสร้างความสามารถในการดำเนินธุรกิจนวัตกรรม
651 ราย
สร้างนักวิจัยให้สามารถผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูง เช่น
การวิจัยและพัฒนาสารสกัดที่มีฤทธิ์ต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังสำหรับผู้สูงอายุ
และจัดให้มีศูนย์บริการด้านการบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหารให้บริการครบวงจร
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยจัดทำโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีคุณภาพมาตรฐานกว่า
791 ราย
มาตรการที่ 3
การสร้างโอกาสทางธุรกิจยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19
โดยในปี 2564 กระทรวงพาณิชย์
จัดงานแสดงสินค้าระดับโลกในไทย จำนวน 2 ครั้ง
มีจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการที่ลงทะเบียนในแฟลตฟอร์ม ทั้งสิ้น 2,363 ราย 2,088 บริษัท 97 ประเทศ
มูลค่าการสั่งซื้อรวมประมาณ 3,122.8069 ล้านบาท ด้านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ให้การส่งเสริมกิจการอุตสาหกรรมแปรรูปที่เป็น SMEs มูลค่า 322
ล้านบาท และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
จัดทำและปรับปรุงฐานข้อมูล SMEs ประเทศไทย
และเชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ระบบ SMEs Big Data
มาตรการที่ 4
สร้างปัจจัยพื้นฐานเพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้จัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาหารจำนวน
14 เรื่อง สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
จัดทำโครงการสร้างนวัตกรรมเพื่อการผลิตอ้อยพันธุ์ดีและส่งเสริมอ้อยพันธุ์ใหม่
ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำโครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart
Farmer) โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ นอกจากนี้
ได้มีการตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าประมง
การยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรโดยการจดทะเบียนตรวจสอบรับรองแหล่งผลิตพืช GAP
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จัดทำโครงการเตรียมความพร้อม
Smart Farmer ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชน