โควิดสายพันธุ์อังกฤษเป็นโควิด-19 ชนิดใหม่ที่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ปกติ
พบครั้งแรกในประเทศอังกฤษก่อนจะมีการแพร่ระบาดมายังประเทศไทย
หากพบว่าตนเองเป็นกลุ่มเสี่ยงควรกักตัวตนเองเป็นเวลา 14 วันเพื่อรอดูอาการ
โควิดสายพันธุ์อังกฤษ
คืออะไร
โควิดสายพันธุ์อังกฤษ (B117) เป็นโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีความสามารถในการระบาดมากกว่าสายพันธุ์ปกติถึง
1.7 เท่า และมีปริมาณของเชื้อไวรัสโควิด-19 เยอะกว่ามาก พบครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 ในประเทศอังกฤษ
ก่อนจะเริ่มระบาดไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบยุโรป
มีการรายงานว่าพบเชื้อโควิดชนิดนี้ครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 มกราคม ปี 2564
โควิดสายพันธุ์อังกฤษต่างกับสายพันธุ์ปกติอย่างไร
นอกจากการแพร่ระบาดที่รวดเร็วกว่ามากแล้ว
การเกิดการกลายพันธุ์บริเวณพื้นผิวของตัวไวรัส "โปรตีนหนาม" (spike protein) ส่งผลให้ไวรัสสามารถจับกับเซลล์ของมนุษย์ได้ดีมากกว่าไวรัสตัวเก่า
ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงโควิดสายพันธุ์อังกฤษ
- ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่การระบาดของโควิดสายพันธุ์อังกฤษ
- ผู้ที่มีประวัติเคยอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์อังกฤษ
- ผู้ที่ทำอาชีพหรือทำงานที่ต้องเจอผู้คนเป็นจำนวนมาก
ตนเองมีความเสี่ยงโควิดสายพันธุ์อังกฤษควรทำอย่างไร
หากสงสัยว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงให้ทำการกักตัว
14
วันงดการเดินทางหรือพบผู้อื่น
เนื่องจากระยะเวลาในการแสดงอาการที่แน่ชัดจะใช้เวลาประมาณ 14 วัน
- กรณีไม่มีอาการผิดปกติ ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อของโควิดสายพันธุ์อังกฤษ
- กรณีพบว่าตนเองมีอาการเสี่ยง ได้แก่ มีไข้ตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป เจ็บคอ
หายใจหอบเหนื่อย
ปวดตามร่างกายและศีรษะการรับรสหรือการได้รับกลิ่นผิดปกติให้เข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจให้ได้ผลที่แน่ชัด
โควิดสายพันธุ์อังกฤษถึงแม้จะมีความสามารถในการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
แต่ถ้าหากรู้ว่าตนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องจะสามารถช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสลงได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.petcharavejhospital.com