เคยรู้สึกไหม?
เวลาไปติดต่อราชการ
หรือจะประกอบกิจการงานอะไร มีกฎระเบียบให้เราต้องยื่นเอกสารนู่นนี่
หรือต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย ทั้งที่ไม่จำเป็น หรือมีประโยชน์แก่รัฐนิดเดียว
แต่เป็นภาระประชาชนมหาศาล
นั่นก็เพราะที่ผ่านมา
กระบวนการออกกฎของไทย (เช่น กฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ)
มุ่งเน้นที่ความต้องการของภาครัฐ ความสะดวกของเจ้าหน้าที่
และการควบคุมกำกับประชาชน จนอาจละเลยการพิเคราะห์ว่า
ที่บังคับให้ประชาชนต้องทำนั่นต้องยื่นนี่ กี่ชุดต่อกี่ชุด จำเป็นอย่างแท้จริงหรือไม่
พอสมควรแก่เหตุไหม
ซึ่งกลไกส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยสร้างความสมดุล
ระหว่างประโยชน์สาธารณะกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ก็คือการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง
และการวิเคราะห์ผลกระทบก่อนการออกกฎนั่นเอง
คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่
1
มีนาคม 2565 เห็นชอบร่างอนุบัญญัติตาม พรบ.77
จำนวน 3 ฉบับ ตามที่คณะกรรมการพัฒนากฎหมายเสนอ
เพื่อกำหนดให้หน่วยงานของรัฐรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบก่อนการออกกฎที่ก่อภาระแก่ประชาชน
เพื่อให้กฎที่จะออกมาใช้บังคับแก่ประชาชนนั้น จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนเท่าที่จำเป็น
ซึ่งอนุบัญญัติทั้ง
3
ฉบับดังกล่าว ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 โดยกฎกระทรวงตามมาตรา 5 วรรค 5 ที่กำหนดประเภทหรือลักษณะของร่างกฎที่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและทำ
RIA ก่อนการออกกฎ จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 8 ตุลาคม 2565 ดังนั้น การเสนอร่างกฎตั้งแต่วันที่ 8
ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
หน่วยงานผู้เสนอจึงต้องแนบสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงาน RIA ของร่างกฎนั้นประกอบด้วย
ศึกษารายละเอียดของอนุบัญญัติทั้ง
3
ฉบับได้ที่นี่
- กฎกระทรวงกำหนดร่างกฎที่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบ พ.ศ. 2565
- ประกาศคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง การดำเนินการอื่นของระบบกลาง พ.ศ. 2565
- แนวทางการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2565
(ฉบับ Update)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.lawreform.go.th