ครม.
อนุมัติกว่า 209,000
ล้านบาท
ยกระดับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและแนวทางปฏิรูปห้องฉุกเฉิน
นางสาวไตรศุลี
ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.
เห็นชอบอนุมัติกรอบงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบฯ 66 วงเงินรวม 209,044
ล้านบาท ประกอบด้วย
งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 207,093
ล้านบาท
เพื่อยกระดับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและแนวทางปฏิรูปห้องฉุกเฉิน และ
งบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 1,950 ล้านบาท
โครงสร้างงบประมาณของกองทุนฯ
ในปีงบฯ 66 ประกอบด้วยรายการบริการหลัก 10 รายการ มีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ คือ
การยุบรวมรายการค่าบริการสาธารณสุขสำหรับบริการกรณีโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นรายการที่เพิ่มขึ้นใหม่ในปีงบฯ 65 เข้ากับรายการค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว ,รายการค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ได้แก่
ค่าบริการตรวจคัดกรองการติดเชื้อด้วยวิธี RT-PCR
และวิธี ATK ค่าบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการและผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการ
กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรับบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และกรณีผู้ให้บริการได้รับความเสียหายจากการให้บริการผู้ป่วยโรคโควิด-19 เนื่องจากคาดการณ์ว่าโรคโควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น
นอกจากนี้
มีการปรับปรุงรายการย่อย ที่ใช้คำนวณอัตราค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว
โดยย้ายรายการย่อยที่ 7
บริการจ่ายตามเกณฑ์คุณภาพผลงานบริการที่เพิ่มขึ้น
ไปรวมในงบบริการควบคุม ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง (โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง)
คงเหลือรายการย่อย 6
รายการ ได้แก่
บริการผู้ป่วยนอกทั่วไป,
บริการผู้ป่วยในทั่วไป, บริการกรณีเฉพาะ,บริการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านการแพทย์,บริการแพทย์แผนไทย
และค่าบริการทางการแพทย์ที่เบิกจ่ายในลักษณะงบลงทุน
ตลอดจนการเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่
ปรับความชัดเจนของขอบเขตและการเข้าถึงบริการที่ยังเข้าถึงบริการได้น้อย รวม 26 รายการ
เพื่อขับเคลื่อนและยกระดับหลักประกันสุขภาพและการดำเนินการตามแนวทางการปฏิรูปห้องฉุกเฉิน
โดยในปี 66 จะมีการขยายการดำเนินงานไปทั่วประเทศ