วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

 


ครม. ไฟเขียว เพิ่มเงิน อสม. อีกเดือนละ 500 บาท 6 เดือน

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชยและเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคโควิด -19 ในชุมชน วงเงินจำนวน 3,150 ล้านบาท โดยจะนำไปจ่ายเป็นค่าตอบแทนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ อสม.จำนวน 1,039,729 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร(อสส.)จำนวน 10,577 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,050,306 คน ในอัตราเดือนละ 500 บาท ต่อคนระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565 เพิ่มเติมจากเดิมที่ได้รับเดือนละ 1,000 บาท จากภาระงานปกติ

กิจกรรมที่ อสม.จะดำเนินการในส่วนภาระงานที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย อสม.เคาะประตูบ้าน แจ้งสถานการณ์โรค ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแก่ประชาชน, อสม.สำรวจและลงทะเบียนกลุ่มเป้าหมายในชุมชนให้ได้รับการฉีดวัคซีน ติดตามอาการกลุ่มเสี่ยงหลังฉีดวัคซีนที่บ้านในชุมชน ส่งต่อผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์และติดตามกลุ่มเป้าหมายจนกว่าจะได้รับวัคซีนเข็มที่ 2, สำรวจ เฝ้าระวัง คัดกรองและติดตามกลุ่มเสี่ยงในชุมชนอย่างต่อเนื่อง,ร่วมสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขในการติดตามผู้ป่วยกักตัวที่บ้าน หรือเข้ารับการแยกกักในชุมชน, ดูแลให้คำแนะนำและประเมินคัดกรองสุขภาพจิตเบื้องต้น ทั้งสำรวจ คัดกรองความเครียด สำรวจคัดกรองโรคซึมเศร้าและประเมินภาวะซึมเศร้า รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชน

ทั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับ อสม.ในการปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนเป็นแรงจูงใจที่สามารถผลักดันให้เกิดการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ ทำให้เกิดสุขภาวะที่ดีกับประชาชน โดยที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ อสม. และ อสส.ร่วมดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโควิด-19 ในชุมชนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยให้ความรู้ในการป้องกันและดูแลสุขภาพตนเองแก่ประชาชนจำนวน 7,424,625 คน, เฝ้าระวังและคัดกรองกลุ่มเสี่ยง, เคาะประตูบ้านต้านภัย COVID-19, ค้นพบกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการและส่งต่อให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, อสม. แนะนำกลุ่มเป้าหมายตรวจ ATK และรายงานผลการตรวจผ่าน Application “สมาร์ท อสม.”, เชิญกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัวมารับวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2

 

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.facebook.com/ayutthayanews