จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เผยแพร่บทความรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารราชการ พ.ศ. 2540
เผยแพร่บทความเรื่องที่ 2. ขอรายการภาษีเงินได้หัก
ณ ที่จ่าย
ใกล้ถึงเวลาต้องจ่ายภาษีกันอีกแล้ว
ก็เลยนำเรื่องเกี่ยวกับรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลมาเป็นตัวอย่างให้ดูกันว่า
เราจะขอตรวจสอบรายการเสียภาษีของนิติบุคคลที่เราถือหุ้นอยู่ได้หรือไม่ มาดูครัน
บริษัท ก จำกัด
โดยนาย ข กรรมการผู้จัดการ
ได้มีหนังสือถึงกรมสรรพากรขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ
ที่จ่าย (ภ.ง.ต.ต ภ.ง.ด.ตก ภ.ง.ต.๓ และ ภ.ง.ต.๕๕๓) ของบริษัท ค จำกัด บริษัท ง
จำกัดและบริษัท จ จำกัด ตั้งแต่เริ่มการยื่นแบบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบริษัท ก จำกัด
เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัททั้งสามแห่งกรมสรรพากรแจ้งปฏิเสธการเปิดเผย
โดยให้เหตุผลว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นข้อมูลที่ทำให้รู้เรื่องกิจการผู้เสียภาษีมีกฎหมายคุ้มครองจะนำออกเปิดเผยหรือแจ้งแก่บุคคลหรือหน่วยงานใดมิได้
ตามมาตรา ๑๐ แห่งประมวลรัษฎากรและมาตรา ๑๕ (๕) (๖) และมาตรา ๒๔
แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
เว้นแต่เจ้าของข้อมูลให้ความยินยอมเป็นหนังสือไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้น
ประกอบกับบริษัท ก จำกัด ได้ยื่นฟ้องคดีบริษัท ค จำกัด
ต่อศาลแล้ว
อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในศาล บริษัท ก จำกัด โดยนาย ข
จึงอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สาขาเศรษฐกิจและการคลัง วินิจฉัยสรุปว่าข้อมูลข่าวสารตามอุทธรณ์คือ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก
ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ต.ต ภ.ง.ด.ตก ภ.ง.ด. ๓ และ ภ.ง.ต.๕๓) ของนิติบุคคลจำนวน ๓ ราย
ตั้งแต่เริ่มการยื่นแบบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งผู้อุทธรณ์ได้ยื่นฟ้องบริษัท ค จำกัด
ต่อศาลทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา
และกรมสรรพากรได้ส่งเอกสารดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของศาลด้วยแล้ว
ดังนั้นการเปิดเผยจะกระทบต่อข้อเท็จจริงแห่งคดีอันจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพและไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์
ตามมาตรา ๑๕ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ประกอบกับข้อมูลการเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นข้อมูลข่าวสารที่แสดงถึงรายได้อันเกี่ยวกับฐานะทางการเงินของนิติบุคคลซึ่งได้ให้ไว้ต่อกรมสรรพากรเพื่อใช้ในการตรวจสอบการเสียภาษีเท่านั้น
จึงเข้าลักษณะเป็นข้อมูลข่าวสารที่ผู้ให้มาไม่ประสงค์ให้ทางราชการนำไป
เปิดเผยต่อผู้อื่น
ตามมาตรา ๑๕ (๒) แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน และผู้อุทธรณ์ไม่ใช่เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง
กับการเสียภาษีของนิติบุคคลทั้ง
๓ บริษัท จึงต้องห้ามมิให้เปิดเผย ตามมาตรา ๑๐ แห่งประมวลรัษฎากร
วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์
มีข้อสงสัยการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ หารือไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โทร ๐ ๒๒๘๓ ๔๖๗๗ / o๙
๒๒๕๐ ๐๕๘๙(www.oic.go.th) (wattanapong.kaopm.go.th)
คำวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สาขาเศรษฐกิจและการคลัง (ที่ ศก ๕/๒๕๖๓) นายวรรธนพงศ์ คำดี
ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมและเผยแพร่สิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสาร