วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2564

คำปราศรัย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในวาระครบรอบ 75 ปีการเป็นสมาชิกสหประชาชาติของประเทศไทย

 คำปราศรัย

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เนื่องในวาระครบรอบ 75 ปีการเป็นสมาชิกสหประชาชาติของประเทศไทย
------------------------------
 
พี่น้องชาวไทยที่รัก 
 
ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ในวันนี้ ตรงกับวาระครบรอบ 75 ปี การเป็นสมาชิกสหประชาชาติของประเทศไทย ซึ่งไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหประชาชาติเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2489 ภายหลังจากสหประชาชาติก่อตั้งขึ้นในปี 2488 โดยประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกในลำดับที่ 55

สหประชาชาติ ถือเป็นองค์การระหว่างประเทศที่มีความสำคัญที่สุด มีบทบาทสำคัญในการบรรเทาทุกข์ และแก้ไขปัญหาของประชาคมโลก จรรโลงสันติภาพและความมั่นคง ปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ตลอดจนดำเนินงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ตลอดระยะเวลา 75 ปี การเป็นสมาชิกสหประชาชาติของไทย ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ไทยมีส่วนร่วมในภารกิจทั้ง 3 เสาหลักของสหประชาชาติอย่างแข็งขัน ได้แก่ 

ด้านสันติภาพและความมั่นคง ตั้งแต่ปี 2501 ไทยสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง โดยส่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ทั้งชายและหญิงกว่า 27,000 คน เข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพ และภารกิจเพื่อสันติภาพอื่น ๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ รวมกว่า 20 ภารกิจ ซึ่งปัจจุบัน ไทยส่งกองร้อยทหารช่างเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพ ณ สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน 

ด้านสิทธิมนุษยชน ไทยให้ความสำคัญกับการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด โดยไทยได้รับการยอมรับด้านการส่งเสริมสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ อาทิ เด็ก สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้โยกย้ายถิ่นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศรายได้ระดับกลางที่ประสบความสำเร็จในการสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับประชากรกลุ่มต่าง ๆ 

-ด้านการพัฒนา ในปี 2558 สหประชาชาติมีแผนขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมายหลัก เพื่อให้บรรลุผลภายในปี 2573 ดังนั้น เรามีเวลาเหลืออีกเพียง 9 ปี ที่จะเร่งดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยไทยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy) หรือ SEP มาใช้เป็นแนวทางการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุ SDGs เนื่องจาก SEP มีความสอดรับเป็นเนื้อเดียวกับ SDGs ที่มุ่งพัฒนาและสร้างความสมดุลในทุกมิติ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ไทยยังได้นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปช่วยพัฒนาประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งในเอเชียและแอฟริกา นอกจากนั้น ไทยมุ่งนำเสนอการสร้าง “ความสมดุลของสรรพสิ่ง” ในเวทีสหประชาชาติผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในสามมิติ ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อต่อยอด SEP และนำไปสู่การบรรลุ SDGs ในโอกาส
ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี 2565 ประเทศไทยจะชูโมเดลเศรษฐกิจ BCG 
เพื่อส่งเสริมการเติบโตในระยะ
ยาวที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุม สมดุล และยั่งยืน

ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศที่ยกให้ไทยเป็นศูนย์กลางขนาดใหญ่ของสำนักงานสหประชาชาติในภูมิภาคเอเชีย ซี่งไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก หรือเอสแคป รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ของสหประชาชาติอีกกว่า 40 หน่วยงาน

ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรของไทยในด้านการทูตพหุภาคี โดยการสนับสนุนคนไทยไปปฏิบัติงานหรือดำรงตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ ในสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นโอกาส   ให้ประเทศไทยและคนไทยเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ 

จากที่กล่าวมาข้างต้น จึงเห็นแล้วว่า การเป็นสมาชิกสหประชาชาติของประเทศไทยตลอดระยะเวลา 75 ปี มีความสำคัญอย่างยิ่งกับประเทศ เพราะโลกของเราในปัจจุบัน เป็นโลกที่ไร้พรมแดน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของนานาประเทศ โดยมีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือจึงเป็นทางออก ที่จะช่วยให้ทุกประเทศสามารถฝ่าฟันวิกฤติต่าง ๆ โดยเฉพาะความท้าทายรูปแบบใหม่ไปได้ในที่สุด

ซึ่งไทยพร้อมเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับสหประชาชาติ และนานาประเทศ เพื่อพลิกโฉมให้ความร่วมมือพหุภาคีภายใต้สหประชาชาติเป็นกลไกแห่งการขับเคลื่อนและการเปลี่ยนแปลง ที่สามารถเสริมพลังให้โลกของเรากลับมาเข้มแข็งกว่าเดิม 
 
พี่น้องชาวไทยที่รัก  

ภารกิจของสหประชาชาติล้วนเกี่ยวข้องกับเราทุกคนและไม่ใช่เรื่องไกลตัว รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้        ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ ร่วมผนึกกำลังในการผลักดันให้ไทยคงบทบาทที่ “เข้มแข็ง สร้างสรรค์ และต่อเนื่อง” สืบต่อไปได้ในเวทีสหประชาชาติและเวทีโลก  

ขอบคุณครับ 
 
*********************
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.facebook.com/sharedsaradd/